ลองขับ Mitsubishi Triton Ultra 4WD AT 2024 ใหม่ ตัวท็อปขับสี่ล้อ ราคา 1,228,000 บาท
ลองสัมผัส All-new Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Ultra 4WD AT ตัวท็อปขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครันที่สุด กับราคาจำหน่าย 1,228,000 บาท จะน่าใช้ขนาดไหนติดตามได้ในบทความนี้ครับ
แม้ว่า All-new Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 จะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ก็เป็นการเปิดตัวล็อตแรกเพียง 8 รุ่นย่อยเท่านั้น ขณะที่รุ่น Double Cab Ultra 4WD AT ที่เรากล่าวถึงในบทความนี้ถูกเปิดตัวตามมาเป็นล็อตที่ 2 ควบคู่ไปกับการประกาศราคาเบื้องต้นของ Triton Athlete ที่วางให้เป็นตัวท็อปสุด (จริงๆ) นั่นเอง
ภายนอกของ Triton Ultra 4WD AT ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ ระบบไฟหน้า LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, ไฟตัดหมอกหน้า LED, ไฟท้าย LED, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า, บันไดข้างตกแต่งด้วยสีเงิน, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังสลับหนังสังเคราะห์ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับ พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD 7 นิ้ว, กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (Rear Air Circulator) และกุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ฯลฯ
ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์เป็นแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบนำทางในรถยนต์ (Embedded Navigation), ช่องจ่ายไฟ USB-A 2 ตำแหน่ง และ USB-C 2 ตำแหน่ง, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) และลำโพง 6 ตำแหน่ง
จุดเด่นสำคัญของรุ่น ULTRA 4WD AT คือการเพิ่มระบบเชื่อมต่อ Mitsubishi Connect ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน My MITSUBISHI CONNECT บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อควบคุมจากระยะไกลผ่านสัญญาณเครือข่ายมือถือได้ ไม่ว่าจะเป็นการล็อก-ปลดล็อกประตูรถ, การสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศ, เปิดไฟส่องสว่าง, การเปิดสัญญาณแตร และการค้นหาตำแหน่งตัวรถได้
นอกจากนี้ บริการ Mitsubishi Connect ยังสามารถตรวจสอบระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางขับขี่จากปริมาณน้ำมันที่เหลือ และแรงดันลมยาง รวมถึงมีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ เช่น บริการช่วยเหลือบนท้องถนน (Roadside Assistance), บริการแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ, การช่วยเหลือหากรถถูกโจรกรรม รวมถึงระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS (e-call)
สังเกตง่ายๆ ว่ารถที่มีระบบ Mitsubishi Connect จะมีปุ่มโทรออกฉุกเฉิน SOS ติดตั้งไว้บริเวณเพดานหลังคาใกล้กับตำแหน่งไฟอ่านแผนที่ โดยปุ่มดังกล่าวจะเป็นการโทรออกไปยังศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินหากประสบเหตุต่างๆ หรือหากว่าตััวรถเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้ถุงลมนิรภัยพองตัวออก ระบบจะทำการโทรออกฉุกเฉินอัตโนมัติเพื่อขอรับการช่วยเหลือหากจำเป็น
ในรุ่น Ultra 4WD AT ยังมีการเพิ่มเติมล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัย Diamond Sense ที่มีฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้แก่
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
- ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW)
- ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA)
- ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)
- ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (AHB)
- กล้องมองภาพรอบคัน (MAM)
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (BA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL), ลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
Mitsubishi Triton Double Cab 4WD ULTRA AT ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Hyper Power ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II และโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Eco, Gravel, Snow, Mud, Sand และ Rock พร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง Active Yaw Control (AYC)
ในด้านการขับขี่ของ All-new Mitsubishi Triton รุ่น Double Cab 4WD ULTRA AT เราได้มีโอกาสทดสอบขับกันเพียงสั้นๆ ที่สนามหนองค้อเซอร์กิต โดยสัมผัสได้ถึงช่วงล่างที่นุ่มนวล สามารถเคลื่อนตัวผ่านลูกระนาดได้โดยไม่ส่งแรงสะเทือนตึงตังเข้ามายังห้องโดยสาร เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่ารุ่นก่อนหน้า ซึ่งอันที่จริงการตอบสนองของช่วงล่างก็แทบไม่ต่างไปจากรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่เราเคยทดสอบไปแล้วก่อนหน้านี้ (>> รีวิว All-new Mitsubishi TRITON หล่อ เรียบหรู สมรรถนะจัดจ้าน ตอบโจทย์สายกระบะ)
ส่วนในแง่การขับขี่แบบออฟโรดก็ทำได้ดี แม้ว่าสนามออฟโรดในครั้งนี้จะไม่ได้ถึงกับโหดมากนัก แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการทำงานของโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Mud ในช่วงขับผ่านพื้นผิวแบบโคลน ซึ่งควบคุมการตอบสนองของคันเร่งเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดายจนแทบไม่มีอะไรน่ากังวลเลย
ในช่วงจังหวะการขับขี่แบบออฟโรดยังสามารถเปิดเรียกใช้ระบบกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) ซึ่งจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยรอบคันได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไต่เนินสลับและการลุยบ่อน้ำ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีฟีเจอร์ประเภท Transparent Bonnet เพื่อให้มองเห็นอุปสรรคใต้ท้องรถมาให้
ส่วนราคาจำหน่ายของ All-new Mitsubishi Triton รุ่น Double Cab 4WD ULTRA AT ถูกตั้งเอาไว้ที่ 1,228,000 บาท แลกมากับความสดใหม่ที่สุดในตลาด สมรรถนะและความน่าเชื่อถือตามฉบับมิตซูบิชิ
อัลบั้มภาพ 53 ภาพ