รีวิว Mitsubishi Triton ATHLETE 2024 ใหม่ ตัวโหด 204 แรงม้า แรงจริง!
All-new Mitsubishi Triton ATHLETE 2024 ใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเสริมหล่อภายนอกและภายในอีกต่อไป เพราะคราวนี้มีการอัปเกรดขุมพลังดีเซล 2.4 ลิตร แรงขึ้นเป็น 204 แรงม้า จะน่าซื้อสมกับศักดิ์ศรีกระบะตัวท็อปของค่ายขนาดไหน ติดตามได้กับ Sanook Auto ในบทความนี้ครับ
ปัจจุบัน All-new Mitsubishi Triton ATHLETE 2024 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย พร้อมราคาจำหน่าย ได้แก่
- รุ่น Athlete 2WD ราคา 1,125,000 บาท
- รุ่น Athlete 4WD ราคา 1,298,000 บาท
>> ลองขับ Mitsubishi Triton Ultra 4WD AT 2024 ใหม่ ตัวท็อปขับสี่ล้อ ราคา 1,228,000 บาท
Mitsubishi Triton ATHLETE ยังคงวางตำแหน่งให้เป็นกระบะตัวท็อปของค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยนอกจากจะมีการปรับดีไซน์ภายนอกเพิ่มความดุดันในสไตล์ "Beast Mode" แล้วนั้น การกลับมาครั้งนี้ยังชูไฮไลต์เด็ดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Hyper Power X2 ที่เพิ่มพละกำลังขึ้นเป็น 204 แรงม้า จากรุ่นปกติที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า
ตกแต่งดีไซน์เฉพาะรุ่น ATHLETE
รูปลักษณ์ของ Triton ATHLETE ใหม่ มีการตกแต่งเพิ่มความดุดันมากกว่ารุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถตัดกับวัสดุสีดำ ซุ้มล้อสีดำทั้ง 4 ข้าง ราวหลังคาสีดำ ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ มือเปิดประตูภายนอกสีดำ สปอร์ตบาร์สีดำเหนือกระบะท้าย กันชนหน้า-หลังสีดำตกแต่งด้วยสีเงิน และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นก็มีให้แบบครบๆ ทั้งไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอกหน้า LED, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว และบันไดข้างตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ (Smoked Titanium Accent) เป็นต้น
ภายในห้องโดยสารเสริมความพิเศษด้วยห้องโดยสารสีทูโทนดำ-ส้ม โดยที่ฝาครอบเสาและเพดานหลังคาก็จะถูกตกแต่งด้วยสีดำเช่นกัน เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สลับหนังกลับ (Suede) ฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้า ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับมือ ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังมีพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง พร้อมที่วางแขนแบบมีที่วางแก้วน้ำมาให้
ส่วนการเปิดประตูจากด้านในจะมีวิธีการคล้ายกับรถยุโรปบางยี่ห้อ (เท่าที่คิดออกคือ BMW และ Volvo) คือหากประตูมีการล็อกอยู่ จะต้องดึงมือเปิดออก 2 ครั้ง จึงจะสามารถเปิดประตูได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปกดปุ่มปลดล็อกหรือดึงก้านเพื่อปลดล็อกเหมือนกับรถญี่ปุ่นทั่วไป
ในรุ่น ATHLETE ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (พูดง่ายๆ ก็คือ Blower ที่เอาความเย็นจากข้างหน้ามากระจายให้ด้านหลังอีกทีหนึ่ง), กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, มือจับภายในรถ 8 ตำแหน่ง, กุญแจ Smart Entry (KOS) พร้อมปุ่ม Push Start และหน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว
ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์มีขนาด 9 นิ้ว พร้อมปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มช็อตคัตเข้าสู่เมนูต่างๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องพึ่งการสัมผัสเพียงอย่างเดียว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วน Android Auto จะต้องต่อผ่านสาย USB เท่านั้น แม้ว่าตัวรถจะมาพร้อมระบบนำทางในตัว (Embedded Navigation) โดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อมือถือเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อว่าหลายคนก็สะดวกกับการใช้ Google Maps มากกว่า
ส่วนช่องชาร์จไฟทั้งหลายก็มีให้แบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นช่องจ่ายไฟแบบ USB-A และ USB-C อย่างละ 1 ช่อง ทั้งเบาะแถวหน้าและหลัง (รวมเป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง) รวมถึงมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้ามาให้ด้วย
นอกจากนี้ Mitsubishi Triton ATHLETE ยังมีระบบเชื่อมต่อ Mitsubishi Connect เพื่อสั่งงานระยะไกลจากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ โดยไม่ได้เป็นเพียงแค่การตรวจสอบสถานะธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งล็อก-ปลดล็อกประตู, ควบคุมระบบปรับอากาศ, ค้นหาตำแหน่งรถยนต์, กำหนดขอบเขตการใช้รถยนต์ ฯลฯ
อีกทั้งยังมีปุ่ม SOS บริเวณใกล้กับไฟอ่านแผนที่ โดยหากประสบอุบัติเหตุกระทั่งถุงลมนิรภัยทำงาน ระบบ SOS Emergency Assistant (e-Call) จะโทรขอความช่วยเหลือยังศูนย์ประสานงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่พบได้ในรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ หรือหากประสบเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ และต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถกดปุ่ม SOS บริเวณไฟอ่านแผนที่ได้ทันที
อีกสิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวผู้เขียนชอบมากๆ คือ ช่องวางแก้วบริเวณช่องแอร์ทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ที่สามารถวางขวดน้ำหรือแก้วเครื่องดื่มพร้อมกับรักษาความเย็นไว้ตลอดเวลาที่ขับรถ ช่วยให้มีน้ำเย็นๆ คอยจิบเพิ่มความสดชื่นตลอดทาง เป็นไอเดียง่ายๆ แต่มีประโยชน์มาก
ด้านระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งระบบ Diamond Sense ทำงานผ่านเซนเซอร์และเรดาร์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับวัตถุด้านหน้า และรอบข้าง ประกอบไปด้วยฟังก์ชันดังนี้
- Adaptive Cruise Control (ACC)
- Automatic High Beam (AHB)
- Forward Collision Mitigation System with Pedestrian Detection (FCM)
- Multi Around View Monitor with Moving Object Detection (MAM w. MOD)
- Blind Spot Warning with Lane Change Assist (BSW w. LCA)
- Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
ขณะที่ระบบความปลอดภัยอื่นๆ ก็มีให้ครบถ้วน เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCL) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Active Limited Slip Differential, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, โครงสร้างนิรภัย RISE Body, ระบบเตือนแรงดันลมยาง (TPMS) และถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า / ด้านข้าง / หัวเข่าผู้ขับขี่ / ม่านถุงลม)
จุดเด่นอยู่ที่ขุมพลัง 204 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ SS4-II
Mitsubishi Triton ATHLETE เป็นรุ่นเดียวในไลน์อัปที่ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร Hyper Power X2 พร้อมเทอร์โบแบบ 2-stage ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สามารถเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II ที่มีโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Eco, Snow, Gravel, Mud, Sand และ Rock
โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถปรับการทำงานได้ 3 รูปแบบ คือ 4H (ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full-time) เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนเปียก โดยกระจายกำลังไปล้อหน้า-หลัง 40:60 บนถนนแห้ง และ 50:50 บนถนนเปียก ส่วนโหมด 4HLc จะถ่ายทอดกำลังผ่าน Center Differential Lock เพื่อกระจายกำลังแบบ 50:50 ตลอดเวลา
ส่วนอีกโหมดคือ 4LLC ซึ่งจะถ่ายทอดกำลังไปล้อหน้า-หลังด้วย Center Differential Lock และล็อกเฟืองท้าย Rear Differential Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เหมาะสำหรับการขับขี่ในสภาพทุรกันดาน จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ระบบ Active Yaw Control หรือ AYC มีหลักการทำงานคล้ายกับรุ่น Xpander Cross โดยจะช่วยปรับการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกโค้งให้สัมพันธ์กัน เพื่อลดอาการลื่นไถลก่อนที่ระบบควบคุมเสถียรภาพ ASC จะเริ่มทำงาน โดยสามารถแสดงผลการทำงานบนหน้าจอผู้ขับขี่ได้อีกด้วย
รู้สึกได้ว่าแรงขึ้น แต่นอกนั้นยังเหมือนเดิม
เดิมที่ All-new Mitsubishi Triton เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 184 แรงม้า ก็มีพละกำลังเหลือเฟือมากพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ขณะที่การเพิ่มม้าเป็น 204 ตัวในรุ่น ATHLETE ก็พอรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ที่ทำให้การควบคุมทำได้คล่องแคล่วขึ้นอย่างชัดเจน ที่ความเร็วต่ำมีน้ำหนักเบา แม่นยำ และเมื่อใช้ความเร็วสูงก็มีความมั่นคง โดยรวมแล้วพวงมาลัยถือเป็นหนึ่งในพระเอกของรุ่น ATHLETE เลยก็ว่าได้
ขณะที่ช่วงล่างถูกปรับปรุงให้มีความหนักแน่น นุ่มเนียนกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเพิ่มขนาดเฟรมและแชสซีซ์ใหญ่ขึ้น ทำให้การซับแรงสะเทือนทำได้ดี ไม่ดีดเด้งจนน่ารำคาญเหมือนโฉมที่แล้ว แถมยังให้เก็บอาการขณะขับผ่านผิวทางขรุขระได้ดีแม้ใช้ความเร็วสูงก็ตาม
ดีขึ้นรอบด้าน แต่ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
แม้ว่า Mitsubishi Triton ATHLETE จะมีคุณงามความดีแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่าง แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายรายกลับไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นเท่าที่ควร ยิ่งถ้ามองว่ารถรุ่นนี้เพิ่งเริ่มวางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมานี้เอง แต่ฟังก์ชันหลายอย่างกลับไม่ต่างอะไรจากคู่แข่งที่ลากขายมานานหลายปี ก็น่าจะเป็นจุดที่เหนื่อยหน่อยสำหรับมิตซูบิชิในการเข็นยอดขายของรถรุ่นนี้
แต่ทางที่ดีลองไปลูบๆ คลำๆ ด้วยตัวเองที่โชว์รูม เผื่อว่าจะถูกจริตควักกระเป๋าเอามาครอบครองไว้ที่บ้านสักคันครับ
อัลบั้มภาพ 47 ภาพ