"รถยนต์ไฟฟ้า" ห้ามใช้ยางธรรมดาจริงไหม?
ระยะหลังรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หนึ่งในเทรนด์ที่ตามมาติดๆ ก็คือ การเปลี่ยนยางที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถ EV ซึ่งมีราคาสูงกว่ายางปกติเกือบเท่าตัว แล้วสงสัยไหมว่ารถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ยางเฉพาะสำหรับ EV จริงหรือ? หรือเป็นเพียงแค่การตลาดของผู้ผลิตยางเท่านั้น บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
ยางรถยนต์ไฟฟ้าต่างจากยางทั่วไปอย่างไร?
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีรูปลักษณ์หน้าตาแทบไม่ต่างไปจากรถยนต์สันดาป แต่คุณสมบัติเฉพาะตัวของรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยางที่ออกแบบมาสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ เพื่อรองรับประสิทธิภาพการทำงานของตัวรถได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
1. รองรับน้ำหนักที่มากกว่า
รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลมาจากการติดตั้งชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีน้ำหนักตั้งแต่ 500 กก. ไปจนถึง 1 ตัน หรือมากกว่านั้น ยางที่ใช้จึงจำเป็นต้องออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยทุกย่านความเร็ว
2. รองรับแรงบิดที่สูงกว่า
รถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดจากชุดมอเตอร์ได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที (Instant Torque) ยางที่ใช้จึงจำเป็นต้องรองรับแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้ดอกยางสึกเร็วขึ้นสูงสุดถึง 20% จึงจำเป็นต้องเติมสารประกอบพิเศษลงไปในเนื้อยาง เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
3. ลดแรงต้านทานการหมุนได้ดีกว่า
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกหลายประการ ที่อาจส่งผลต่อระยะทางขับขี่ โดยเฉพาะหลักอากาศพลศาสตร์ และแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นจากพื้นถนน ยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงออกแบบให้มีแรงต้านทานการหมุนต่ำ จะช่วยรักษาระยะทางขับขี่ให้ได้ตามที่ผู้ผลิตเคลมไว้
4. เสียงรบกวนต่ำกว่า
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนกับรถน้ำมันทั่วไป ทำให้รถไฟฟ้ามีการทำงานที่เงียบสนิท ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจึงมีโอกาสได้ยินเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ดังนั้นยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อลดเสียงรบกวนให้น้อยที่สุดนั่นเอง
เห็นไหมครับว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีคุณสมบัติเฉพาะตัวบางประการ จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อรีดประสิทธิภาพให้มากที่สุด และคงไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง