ซื้อรถมือสองควรมีเลขไมล์เท่าไหร่ดี?

ซื้อรถมือสองควรมีเลขไมล์เท่าไหร่ดี?

ซื้อรถมือสองควรมีเลขไมล์เท่าไหร่ดี?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เลขไมล์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง เพราะรถที่ผ่านการใช้งานมาเยอะ แม้ว่าจะมีราคาที่ถูกกว่า แต่ก็แลกมาด้วยการบำรุงรักษาที่มากกว่าเช่นกัน แล้วจะทราบได้อย่างไรว่ารถมือสองที่เลือกซื้อนั้น ควรมีเลขไมล์เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม บทความนี้ Sanook Auto มีคำตอบมาฝากกันครับ

ซื้อรถมือสองควรมีเลขไมล์เท่าไหร่ดี?

อันที่จริงแล้วไม่ได้มีหลักยึดตายตัวว่าเลขไมล์เท่าไหร่จึงจะเหมาะสมเมื่อกลายเป็นรถมือสอง แต่หากอ้างอิงตามที่ผู้ผลิตกำหนดการเช็กระยะเอาไว้ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ก็พอเป็นตัวกำหนดได้ว่ารถยนต์มีระยะการใช้งานที่เหมาะสมอยู่ราว 20,000 กิโลเมตรต่อปี ถือว่ากำลังพอดีๆ ไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป

หากว่ารถมีการใช้งานน้อยกว่า 20,000 กิโลเมตรต่อปี ก็ถือได้ว่าเป็นรถที่ถูกใช้งานน้อยกว่าปกติ ในทางกลับกันหากใช้งานมากกว่า 20,000 กิโลเมตรต่อปี ก็ถือว่าเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนักพอสมควร ยิ่งถ้าหากเป็นรถบริษัทสำหรับอาชีพเซลส์ หรือนำไปติดต่อลูกค้าต่างจังหวัดเป็นประจำแล้วล่ะก็ บางคันอาจใช้งานเกิน 40,000 - 50,000 กิโลเมตรต่อปีก็มี

ดังนั้นหากซื้อรถมือสองอายุประมาณ 5 ปี แต่ยังมีเลขไมล์ต่ำกว่า 100,000 กม. ก็ถือว่าเข้าข่ายเป็นตัวเลือกเก็บไว้พิจารณาได้ หรือถ้ามีเลขไมล์มากกว่า 100,000 กม. หากว่ามีราคาที่เหมาะสม และผ่านการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ก็เก็บเป็นตัวเลือกในการพิจารณาได้เช่นกัน

วิธีตรวจสอบเลขไมล์แท้ทำอย่างไร?

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการดัดแปลงหรือกรอไมล์ จะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันก็ยังพบเห็นการกระทำลักษณะดังกล่าวไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะรถที่ผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนัก มีเลขไมล์หลายแสนกิโลเมตร เต็นท์รถมือสองบางแห่งอาจใช้วิธีกรอไมล์เพื่อให้ตัวเลขต่ำลงมา จะทำให้ขายออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งผู้ซื้อที่ไม่มีประสบการณ์ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

วิธีการเช็กไมล์แท้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่สามารถอาศัยหลายองค์ประกอบพิจารณาควบคู่กันไป เช่น ตรวจสอบประวัติการเช็กระยะว่าสัมพันธ์กับเลขไมล์ปัจจุบันหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจเช็กได้จากสมุดประวัติการเช็กระยะของรถ หากรถมีการเช็กระยะที่ศูนย์บริการโดยตลอด จะสามารถตรวจสอบได้ง่าย

กรณีที่รถไม่ได้นำเข้าศูนย์มานานแล้ว อาจตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงอื่นๆ เช่น การเช็กระยะอู่นอก หรือการเข้ารับการเปลี่ยนยางได้ โดยใบเสร็จรับเงิน (หรือใบแจ้งซ่อม) มักจะระบุเลขไมล์และวันที่เข้ารับบริการเอาไว้ ก็สามารถใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาไมล์แท้ได้

แต่หากไม่มีสมุดเช็กระยะหรือใบเสร็จรับเงินจากอู่นอกเลย การตรวจสอบอาจเป็นไปได้ยากขึ้น โดยจำเป็นจะต้องดูส่วนอื่นพิจารณาร่วมกันไปด้วย เช่น สภาพของเบาะนั่ง, พวงมาลัย, หัวเกียร์, ปุ่มกดต่างๆ และอื่นๆ ควรมีสภาพสอดคล้องกับระยะทางขับขี่ (แต่หากเบาะหนังมีสภาพใหม่มากก็อาจเกิดจากการหุ้มใหม่ได้เช่นกัน) หรืออีกกรณีหนึ่งคือนำเลขทะเบียนไปขอตรวจสอบกับศูนย์บริการรถยี่ห้อนั้นๆ ว่ามีการเช็กระยะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และที่เลขไมล์กี่กิโลเมตร ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละศูนย์บริการ

เลขไมล์สำคัญก็จริง แต่ต้องพิจารณาส่วนอื่นประกอบด้วย

แม้ว่าเลขไมล์จะสามารถใช้เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกรถมือสอง แต่ควรพิจารณาปัจจัยอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น สภาพเครื่องยนต์และเกียร์ต้องสมบูรณ์ ตัวรถไม่มีการชนหนัก พลิกคว่ำ ตัดต่อ จมน้ำ ราคาจำหน่ายเหมาะสม ไม่แพงจนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หรือไม่ถูกเกินจนผิดสังเกต ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ได้รถมือสองที่ถูกใจ และเหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุดนั่นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook