5 สาเหตุว่าทำไมฝนตกก็ต้องล้างรถอยู่ดี

5 สาเหตุว่าทำไมฝนตกก็ต้องล้างรถอยู่ดี

5 สาเหตุว่าทำไมฝนตกก็ต้องล้างรถอยู่ดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนอาจสงสัยว่าหลังฝนตกแล้วทำไมต้องเสียเวลาไปล้างรถ ในเมื่อฝนก็ช่วยชะล้างความสกปรกให้แล้ว แต่ความจริงแล้ว น้ำฝนไม่ได้ทำความสะอาดรถของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดนานๆ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้มากมาย บทความนี้ Sanook Auto จะมาบอกเหตุผลว่าทำไมฝนตกคุณก็ควรล้างรถอยู่ดี

สาเหตุที่ 1 มีคราบสกปรกฝังแน่น - ฝนที่ตกลงมาจะพัดพาฝุ่นละออง มลพิษต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศมาเกาะติดบนตัวรถ เมื่อน้ำระเหยไปจะเหลือคราบสกปรกฝังแน่นอยู่บนผิวรถ ทำให้สีรถหมองคล้ำ นอกจากนี้ คราบยางมะตอยและคราบใบไม้ที่เกาะติดกับตัวรถ เมื่อโดนฝนจะยิ่งทำให้คราบเหล่านี้จับตัวกันแน่นขึ้น ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งล้างออกยาก

สาเหตุที่ 2 อาจก่อให้เกิดสนิม - น้ำฝนในปัจจุบันมีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย เนื่องจากมลพิษทางอากาศ เมื่อน้ำฝนตกลงมาและเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำปฏิกิริยากับผิวรถ ทำให้เกิดรอยด่างและสนิมได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่สีรถลอกหรือมีรอยขีดข่วน นอกจากนี้ คราบเกลือที่เกาะติดบนตัวรถก็มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ทำให้สีรถเสียหายและเกิดสนิมได้เร็วขึ้น

สาเหตุที่ 3 ซากแมลงตาย - เมื่อขับรถขณะฝนตก แมลงจะมาชนกับกระจกหน้ารถและตัวรถ ทำให้เกิดคราบแมลงติดอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้นาน คราบแมลงจะแข็งตัวและยากต่อการขจัดออก

สาเหตุที่ 4 เป็นอันตรายต่อสีรถ - คราบสกปรกที่เกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำให้สีรถหมองคล้ำและเกิดรอยด่าง แสงแดดและอุณหภูมิที่สูงจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกที่เกาะอยู่บนตัวรถ ทำให้สีรถซีดเร็วขึ้น

สาเหตุที่ 5 ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน - คราบฝน คราบแมลง และคราบสกปรกอื่นๆ ที่เกาะติดบนกระจกหน้ารถจะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้มองเห็นถนนได้ไม่ชัดเจน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

การล้างรถหลังฝนตกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสภาพสีรถ ป้องกันการเกิดสนิม และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ หากปล่อยให้คราบสกปรกเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำความสะอาด และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเติม ดังนั้น การหมั่นล้างรถเป็นประจำจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษารถของคุณให้ดูใหม่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook