4 สาเหตุว่าทำไมไม่ควรกินอาหารขณะขับรถ

4 สาเหตุว่าทำไมไม่ควรกินอาหารขณะขับรถ

4 สาเหตุว่าทำไมไม่ควรกินอาหารขณะขับรถ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าหลายคนเลือกที่จะรับประทานอาหารรองท้องขณะขับรถ โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือช่วงเย็นหลังเลิกงาน แต่ทราบหรือไม่ว่าการรับประทานอาหารขณะขับรถอาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด มีอะไรบ้าง Sanook Auto จะพาไปดูกัน

4 สาเหตุว่าทำไมไม่ควรนำอาหารมาทานขณะขับรถ

1. เสียสมาธิในการขับรถ

การทานอาหารขณะขับรถส่งผลให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิในการควบคุมรถได้ เพราะอาหารส่วนมากจำเป็นจะต้องหยิบจับ จิ้ม หรือตักด้วยช้อนส้อม จะทำให้ผู้ขับขี่เบนความสนใจจากถนนเบื้องหน้ามาอยู่ที่การจัดการอาหารแทน ระหว่างนี้หากมีรถมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า หรือคนเดินข้ามถนน ก็อาจไม่ทันมองจนเกิดอุบัติเหตุได้

2. การตอบสนองต่อสิ่งภายนอกลดลง

การทานอาหารจะทำให้อารมณ์เย็นลงก็จริง แต่การทานระหว่างขับรถจะทำให้การตอบสนองต่อการจราจรภายนอกลดลง หากจำเป็นต้องเหยียบเบรกกะทันหันตามรถคันหน้า จะทำให้การตอบสนองเป็นไปช้ากว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วอาจเบรกรถไม่ทัน เพราะมัวแต่กังวลว่าภาชนะจะตกลงพื้นเลอะเทอะ เป็นต้น

3. ควบคุมรถได้ไม่เต็มที่

การทานอาหารจำเป็นต้องใช้มือในการจัดการอาหาร ซึ่งแปลว่าผู้ขับขี่จะใช้เพียงมือเดียวในการควบคุมพวงมาลัย ระหว่างนี้หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเลนหรือหักหลบกะทันหัน จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้เต็มที่ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

4. เกิดกลิ่นเหม็นภายในรถ

นอกจากการทานอาหารจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่แล้ว เศษอาหารอาจตกลงในซอกหลืบภายในห้องโดยสาร ยากต่อการมองเห็นและทำความสะอาด สุดท้ายแล้วก็จะเกิดการเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นที่ยากต่อการกำจัด เป็นสาเหตุว่าทำไมรถบางคันต่อให้เข้าคาร์แคร์ก็ไม่สามารถขจัดกลิ่นเหม็นจนสิ้นซากได้อยู่ดี

หากมีความจำเป็นต้องทานอาหารภายในรถ ควรทำต่อเมื่อรถหยุดนิ่งหรือติดไฟแดงอยู่เท่านั้น และควรเป็นอาหารที่สามารถทานง่ายด้วยมือเดียว ไม่หกเลอะเทอะง่าย จะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook