สาวจีนสุดเฟลซื้อ NETA AYA เพียงปีเศษ แบตชาร์จเต็มเหลือวิ่งได้แค่ 40 กม.

สาวจีนสุดเฟลซื้อ NETA AYA เพียงปีเศษ แบตชาร์จเต็มเหลือวิ่งได้แค่ 40 กม.

สาวจีนสุดเฟลซื้อ NETA AYA เพียงปีเศษ แบตชาร์จเต็มเหลือวิ่งได้แค่ 40 กม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงชาวจีนสุดเฟลหลังจากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า NETA AYA มาได้เพียงปีเศษ ก่อนจะพบว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหนัก สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางเพียง 40 กม. ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง เทียบกับตัวเลขที่ผู้ผลิตเคลมไว้ 401 กม.

เว็บไซต์ carnewschina.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา สื่อจีนได้นำเสนอข้อมูลของหญิงสาวเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า NETA AYA ในเมืองหูโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเธอซื้อรถคันดังกล่าวมาได้ประมาณปีครึ่ง แต่ปัจจุบันสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางเพียง 40 กม. ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง

neta08

ปัญหาแบตเตอรี่ของรถคันดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากที่เริ่มเข้าฤดูหนาว โดยระยะทางในการขับขี่ลดลงเหลือประมาณ 60 กิโลเมตรเท่านั้น เธอจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากบริษัท NETA เนื่องจากผู้แทนจำหน่ายที่เธอซื้อรถไปแต่แรกถูกปิดตัวไปแล้ว ก่อนจะได้นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์ในอำเภออันจี๋แทน

อย่างไรก็ดี ศูนย์บริการแจ้งว่าแบตเตอรี่รถของเธอเสื่อมสภาพจริง และจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ แต่โชคร้ายที่แบตเตอรี่กลับไม่มีในสต็อกของศูนย์บริการแห่งนั้น จึงไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้กับเธอได้ จำเป็นต้องนำรถออกมาใช้งานแม้ว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพอย่างหนักก็ตาม

สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อระยะทางขับขี่ของแบตเตอรี่ลดลงเหลือเพียง 40 กิโลเมตร ขณะที่ระยะเดินทางจากบ้านไปยังที่ทำงานของเธออยู่ที่ 42 กิโลเมตร เธอจึงไม่สามารถขับรถไปทำงานได้ เทียบกับที่เธอระบุว่าก่อนหน้านี้สามารถใช้งานได้ 3-4 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

สาวจีนเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า NETA AYA ที่เพิ่งซื้อได้เพียงไม่นานสาวจีนเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า NETA AYA ที่เพิ่งซื้อได้เพียงไม่นาน

แม้ว่าศูนย์บริการที่เธอนำรถเข้ารับการตรวจเช็ก จะพยายามติดต่อกับผู้ผลิตหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับได้รับคำตอบว่าชุดแบตเตอรี่ยังคงขาดตลาด กระทั่งสาวเจ้าของรถได้ทำการติดต่อไปยังฝ่ายบริการลูกค้าของ NETA สำนักงานใหญ่ ก่อนจะได้คำตอบในลักษณะเดียวกัน และไม่มีการระบุแน่นอนว่าเธอจะได้รับแบตเตอรี่ชุดใหม่เมื่อใด

ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานการณ์ของ NETA ดูเหมือนไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากมีการสั่งหยุดการผลิตที่โรงงานหลักในมณฑลเจ้อเจียง ควบคู่กับการปรับลดเงินเดือนพนักงาน ส่วนในประเทศไทยก็มีการปรับโครงสร้างบริษัทที่ส่งผลให้พนักงานกว่า 400 ชีวิตต้องตกงานเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook