มาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE คืออะไร? รู้ไว้จะได้ไม่เลือกผิด

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE คืออะไร? รู้ไว้จะได้ไม่เลือกผิด

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE คืออะไร? รู้ไว้จะได้ไม่เลือกผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อกล่าวถึงน้ำมันเครื่อง นอกเหนือจากตัวเลขความหนืดของน้ำมันเครื่อง (เช่น 0W-30) เรามักพบเห็นตัวอักษร API และ SAE ควบคู่กันไปด้วยเสมอ ตัวอักษรเหล่านี้มีความสำคัญอย่างไร บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน

SAE - มาตรฐานความหนืดของน้ำมันเครื่อง

SAE (Society of Automotive Engineers) เป็นมาตรฐานที่บ่งบอกถึงความหนืดของน้ำมันเครื่อง ซึ่งหมายถึงความข้นเหลวของน้ำมันเครื่องนั่นเอง ค่า SAE ที่เราเห็นบนขวดน้ำมันเครื่อง เช่น 5W-30, 10W-40 จะประกอบด้วยตัวเลขสองตัวคั่นด้วยตัวอักษร W

  • ตัวเลขก่อน W - บ่งบอกถึงความหนืดของน้ำมันเครื่องเมื่ออุณหภูมิต่ำ ตัวเลขยิ่งน้อย น้ำมันเครื่องก็ยิ่งไหลเวียนได้ดีในอากาศเย็น
  • ตัวเลขหลัง W - บ่งบอกถึงความหนืดของน้ำมันเครื่องเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ตัวเลขยิ่งสูง น้ำมันเครื่องก็ยิ่งมีความหนืดมากขึ้น

ตัวอย่าง - น้ำมันเครื่อง 5W-30 หมายความว่า น้ำมันเครื่องมีความหนืดต่ำเมื่ออากาศเย็น (เหมาะกับสภาพอากาศหนาว) และมีความหนืดปานกลางเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน (เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป)

API - มาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่อง

API (American Petroleum Institute) เป็นมาตรฐานที่บ่งบอกถึงคุณภาพและสมรรถนะของน้ำมันเครื่อง โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  • S (Service) - สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ตัวอักษรที่ตามหลัง S จะบ่งบอกถึงระดับสมรรถนะที่สูงขึ้น เช่น SA, SB, SC, ... โดยปัจจุบันน้ำมันเครื่องเบนซินส่วนใหญ่จะใช้มาตรฐาน API ที่สูงกว่า SG ขึ้นไป
  • C (Commercial) - สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ตัวอักษรที่ตามหลัง C จะบ่งบอกถึงประเภทของเครื่องยนต์ดีเซล เช่น CA, CB, CC, ...

ตัวอย่าง - API SN หมายถึง น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่มีสมรรถนะสูงสุดตามมาตรฐาน API ในปัจจุบัน

ทำไมต้องรู้จักมาตรฐาน API และ SAE?

การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะน้ำมันเครื่องมีหน้าที่หล่อลื่น ลดการสึกหรอ และระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ การใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ การรู้จักมาตรฐาน API และ SAE จะช่วยให้คุณเลือกน้ำมันเครื่องที่ตรงกับความต้องการของรถยนต์นั่นเอง

ทั้งนี้ หากนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนอกศูนย์บริการ คุณควรศึกษาเสียก่อนว่ารถของคุณสามารถเติมน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดเท่าไหร่ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลังครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook