ทำไมรถรุ่นใหม่ ถึงไม่มีเสาอากาศ?

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ในรถยนต์อย่างเสาอากาศเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ยิ่งถ้าเป็นเสาอากาศแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติที่มีในรถยุโรปหรูๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ถือเป็นอะไรที่ดูเท่มากๆ
แต่ปัจจุบันรถยนต์แทบไม่มีการติดตั้งเสาอากาศให้เห็นอีกเลย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และเสาอากาศในรถยนต์เริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่? บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
ทำไมรถยนต์ต้องมีเสาอากาศ?
เสาอากาศของรถยนต์มีประโยชน์เพื่อการรับสัญญาณวิทยุทั้งระบบ FM และ AM โดยมากแล้วจะมีลักษณะลักษณะเป็นเสาเหล็กที่สามารถชักขึ้นลงได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน หากเป็นรถยนต์ระดับหรูก็มักจะเป็นเสาที่สามารถขึ้นลงอัตโนมัติเมื่อเปิดวิทยุ ก่อนที่เสาลักษณะนี้จะค่อยๆ เสื่อมความนิยมในช่วงปี ค.ศ. 1990 - 2000
ต่อมาได้มีการพัฒนาเสาอากาศรถยนต์ในรูปแบบเสาสั้น ติดตั้งไว้บริเวณเหนือหลังคาเพื่อคงประสิทธิภาพการรับสัญญาณ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของเสามีจุดประสงค์หลักเพื่อความสวยงาม ดูไม่เทอะทะ และยังมีส่วนช่วยเพิ่มความลู่ลมขณะขับขี่
ขณะที่รถยนต์บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เสาอากาศแบบฝังกระจกหลัง (Glass Antenna) โดยใช้วิธีการพิมพ์สื่อกระแสไฟฟ้าลงบนกระจก มักจะอยู่บริเวณกระจกหลังรถยนต์ ข้อดีของเสาอากาศแบบนี้คือ มีความสวยงาม กลมกลืนไปกับตัวรถ และไม่ต้านลม อย่างไรก็ตาม เสาอากาศแบบฝังกระจกอาจมีข้อจำกัดในการรับสัญญาณในบางพื้นที่ และมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเสาอากาศแบบดั้งเดิม
เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin Antenna) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยเสาอากาศประเภทนี้มีลักษณะคล้ายครีบปลาฉลาม ติดตั้งอยู่บนหลังคารถยนต์ ช่วยเพิ่มความสวยงาม ทั้งยังสามารถรับสัญญาณได้หลากหลายประเภท เช่น สัญญาณวิทยุ, GPS, และสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
ดังนั้น การที่รถรุ่นใหม่ไม่มีเสาอากาศแบบยาวๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเสาอากาศ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี และการออกแบบที่ทันสมัยมากขึ้นครับ