5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง "กึ่งสังเคราะห์"
Thailand Web Stat

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง "กึ่งสังเคราะห์"

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง "กึ่งสังเคราะห์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เป็นทางเลือกที่หลายคนนิยม เนื่องจากมีราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% แต่ก็มีคุณสมบัติที่ดีกว่าน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่คนยังไม่ทราบเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ จะมีอะไรบ้าง Sanook Auto จะพาไปหารู้จักกัน

5 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-synthetic)

1. ไม่ได้มีส่วนผสมสังเคราะห์ "ครึ่งต่อครึ่ง"

ชื่อ "กึ่งสังเคราะห์" อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่ามีส่วนผสมของน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์อยู่ 50% และน้ำมันพื้นฐานแร่ (ธรรมดา) อีก 50% แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปริมาณน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ในน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์มักจะน้อยกว่านั้นมาก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10-30% เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นน้ำมันพื้นฐานแร่ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพ

2. คุณสมบัติ "ก้ำกึ่ง" ไม่ได้แย่เสมอไป

ม้จะมีสัดส่วนน้ำมันสังเคราะห์น้อยกว่า แต่การเติมสารสังเคราะห์เข้าไปก็ช่วย ปรับปรุงคุณสมบัติของน้ำมันพื้นฐานแร่ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ทนต่อความร้อนและการเกิดออกซิเดชันได้ดีขึ้น ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา

3. สามารถเปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 กม.

โดยทั่วไป น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์มีระยะเปลี่ยนถ่ายที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 7,000 - 10,000 กิโลเมตร หรือ 6-9 เดือน (แล้วแต่ยี่ห้อและสภาพการใช้งาน) ซึ่งยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา แต่สั้นกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้

Advertisement

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปหากเลือกใช้น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 กม. โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นช่วงระยะที่เหมาะสมกับการเช็กระยะอยู่แล้ว

4. ไม่ได้ด้อยกว่าสังเคราะห์แท้เสมอไป

แม้ว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้จะมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงกว่า โดยเฉพาะในด้านความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แต่สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไปที่ไม่ได้ใช้งานรถยนต์อย่างหนักหน่วง หรือไม่ได้ต้องการระยะเปลี่ยนถ่ายที่ยาวนานมากนัก น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็สามารถให้การปกป้องเครื่องยนต์ที่เพียงพอและคุ้มค่าแล้ว

5. การเลือกเกรดความหนืด (SAE) สำคัญกว่า

การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีเกรดความหนืดที่เหมาะสมกับประเภทและอายุของเครื่องยนต์ รวมถึงสภาพอากาศในการใช้งาน มีความสำคัญมากกว่าการพิจารณาว่าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้หรือกึ่งสังเคราะห์เพียงอย่างเดียว จึงควรเน้นไปที่การใช้เกรดความหนืดอย่างเหมาะสมกับเครื่องยนต์จะดีกว่า

ไม่ว่าจะเลือกใช้น้ำมันเครื่องประเภทใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการหมั่นตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายของเหลวอย่างเหมาะสมตามระยะเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์แสนรักของคุณให้ยาวนานขึ้นได้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้