ออกกำลังกายในน้ำ ลดพุง
ปัจจุบันคนไทยมีภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงมากขึ้น จากการกินอาหารรสหวาน มันเค็มเพิ่มขึ้น แต่กินผักผลไม้น้อย และขาดการออกกำลัง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 7.5 เท่าตัว จากร้อยละ 2.9 เป็นร้อยละ 21.7 ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี อ้วนเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า และล่าสุดในปี 2551 ผลการสำรวจภาวะอ้วนลงพุงในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศของกรมอนามัยพบว่า เพศชายมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรร้อยละ 34 และเพศหญิงรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตรร้อยละ 58 ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ที่สำคัญ คนที่อ้วนลงพุง จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป ทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุงหรือ เมตาบอลิก ซินโดรม (Metabolic Syndrome) มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น ได้แก่ เบาหวาน โรคความดัน โลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยรอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวาน 3-5 เท่า
ในต่างประเทศมีงานวิจัย ที่ยืนยันว่า คนอ้วนมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย เนื่องจากความต้องการพลังงานในแต่ละวันสูงกว่าคนทั่วไปจึงต้องการอาหารเพิ่ม ส่งผลให้ต้องทำการเกษตรมากขึ้น เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในการเดินทางยังต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักจากการแบกรับน้ำหนักตัวของคนอ้วน รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากขึ้น เช่นเปิดแอร์ เพราะคนอ้วนจะร้อนง่าย ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามโลกในหลายๆ ด้านและทำให้เกิดโรคติดเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย
แต่คนอ้วน หรือคนที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็อย่างเพิ่งกังวลใจไป เมื่อเราอ้วนได้ ก็สามารถผอมได้ ซึ่งไม่ยากเกินไปที่จะทำเลย
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ และรับประกันความสำเร็จ ในการลดความอ้วน นั่นคือ การออกกำลังกายในน้ำ
ทั้งนี้ รวมไปถึงการว่ายน้ำด้วย การออกกำลังกายชนิดนี้ จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ใช้พลังงานมากกว่ายามปกติ เกิดการสลายไขมันสะสมได้เร็ว และมีประสิทธิภาพ
สำหรับคนที่ออกกำลังกายแบบว่ายน้ำ มาดูสักนิดว่า ว่ายน้ำท่าไหน จะช่วยเผาพลังงานได้มากที่สุด
-ท่าฟรีสไตล์ 200 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมง
-ท่ากรรเชียง 200 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน
-ท่ากบ 295 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมง
แม้ท่ากบจะเผาผลาญพลังงานมากที่สุด แต่ก็ควรจะว่ายท่าอื่น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้ได้ครบทุกส่วน และเพื่อความกระชับ ลดสัดส่วนสำหรับคนที่ลดความอ้วนด้วย
ส่วนการออกกำลังกายในน้ำประเภทแอโรบิกในน้ำ จะช่วยเผาผลาญไขมัน และช่วยเพิ่มความทนทานของระบบทางเดินหายใจและหัวใจได้ด้วย เช่นเดียวกับการออกกำลังกายบนบก โดยในเวลา 30 นาที จะเผาผลาญพลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 300 แคลอรี นอกจากนี้ การออกกำลังกายในน้ำยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยรองรับน้ำหนักไม่ให้เกิดแรงกดที่ข้อเข่าและข้อเท้าช่วยพยุงไม่ให้ล้มง่าย อีกทั้งแรงดันในน้ำ จะช่วยทำหน้าที่เหมือนการนวดทำให้ลดอาการปวดหลัง ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ รู้สึกผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น จึงเหมาะกับคนอ้วนมีน้ำหนักตัวมาก ผู้สูงอายุ และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์
ไปว่ายน้ำให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ แอโรบิกเพื่อความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก แถมยังเย็นใจอีกด้วย แบบนี้จะไม่ทำตามได้อย่างไร
หันมาออกกำลังกายเพื่อช่วยลดน้ำหนักส่วนตัว นอกเหนือจากควบคุมอาหาร และไม่กินยาลดความอ้วน เพราะไม่มียาใดที่สามารถลดได้จริง และยังทำให้เกิดผลข้างเคียงทั้งทางร่างกาย และระบบประสาทด้วย
ขอให้หุ่นดีสมใจกันทุก ๆ คนจ้ะ
ที่มา Never-Age.com