"เกล" ณัชชา เอกแสงกุล เลือกเศรษฐศาสตร์เพื่ออนาคต

"เด็กสาว สูง ยาว ขาว ใส ในวัย 17 ปี กับการเป็นศิลปินในค่ายเพลงใหญ่ ที่ดูจะเป็นงานที่ใหญ่เกินตัว แต่เกลก็ไม่หวั่น พยายามเรียนรู้งานและพัฒนาตัวเองให้โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยประสบการณ์และหน้าที่ และกลายมาเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปแห่งวง Kiss Me Five"

"เกลเรียนชั้นมัธยมต้นที่พระหฤทัยคอนแวนต์ หลักสูตร English Program คะ และมาต่อมัธยมปลายที่ Trinity International School แต่เกลเรียนไม่จบที่นี่ เพราะว่าเกลสอบเทียบวัดระดับชั้น เลยได้ใบจบจากประเทศอเมริกาแทน ตอนนี้เกลก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คระเศรฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ สาขาการประกอบการ ชั้นปีที่ 1 คะ ตอลดเวลาที่เรียนมาก็จะเรียนเป็นหลักสูตรอินเตอร์มาตลอด เลยค่อนข้างมีความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษพอสมควรนะคะ เกลคิดว่าเป็นการดีที่เราได้เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นการปูพื้นฐานให้นแน่น และยังได้วิธีการคิดที่เป็นผู้มหญ่ติดตัวเรามาด้วย"

ทำไมถึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์

"จริงๆ แล้วเกลไม่ใช่คนที่ชอบเลข การคำนวณ การวิเคราะห์ หรือวิชาอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับทางด้านเศรษฐศาตร์เลย แต่ที่ลองยื่นคะแนนเข้าคณะนี้ก็เพราะว่า คุณพ่อคิดว่าการเรียนเศรษฐศาสตร์น่าจะมีประโยชน์สำหรับตัวเกล เพราะ ตั้งแต่เด็กเกลเรียนด้านศิลปะ ด้านภาษามาตลอด คุณพ่อเลยคิดว่าทำไมไม่ลองเรียนอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง มันอาจจะเกิดประโยชน์กับตัวเราก็ได้ เกลก็เลยเลือกที่จะเรียนเศรษฐศาสตร์ตามที่คุณพ่อแนะนำ พอเข้ามาเรียนจริงๆ สัมผัสกับมันจริงๆ ก็เกิดความสนุกสนานในการเรียน รายวิชาไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่เราคิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก ทั้งอาจารย์ เนื้อหาวิชา และเพื่อนๆ ทำให้การเรียนคณะนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับเกลคะ ถ้าเกิดเราคิดแต่ด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว ในอนาคตของการทำธุรกิจจะเกิดความลำบากคะ อย่างน้อยก็ควรจะมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ติดตัวไว้บ้าง อีกอย่างที่บ้านเกลก็ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้วคุณพ่อก็เลยสนับสนุนน แต่ที่จริงแล้วทางบ้านก็ไม่ได้หวังใสห้เกลไปสืบสานกิจการต่อหรอกคะ ที่ให้เรียนตรงนี้ก็เพื่อตัวเราเอง และเกลมองว่าการเรียนเศรษฐศาสตร์จะทำให้เรามีมุมมองมากขึ้น รู้จักการจัดระบบของตัวเอง และเศรษฐศาสตร์ด้านที่เกลเรียนอยู่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเป็นด้านการประกอบการ ถ้าเรียนจบก็จะได้ปริญญาตรี 2 ใบ คือได้ทั้งด้านธุรกิจกับด้านศิลปะเลย เกลว่ามันน่าสนใจมากในตอนนี้"

ก้าวแรกของเกิร์ลกรุ๊ป

"เกลก็เป็รเด็กธรรมดาที่ผ่านการออ์ดิชั่นคัดเลือกเข้ามาอยู่ในวง Kiss Me Five เริ่มมาจากครูที่สอนเต้นของเกล เขาเคยสอนอยู่ที่อาร์เอส ก็เลยมาบอกเกลว่าตอนนี้มีการออร์ดิชั่นอยู่นะ ให้ลองไปสมัครดูสิ เพราะครูเขารู้ว่าเกลชอบเต้นมาก เลยตัดสินใจลองมาคัดเลือกดู ตอนแรกออร์ดิชั่นเป็นฮิปฮอป แต่ทางกรรมการดูแล้วว่าคงไม่เหมาะ เลยให้ไปเต้นเป็นเกิร์ลกรุ๊ป (หัวเราะ) พอได้เข้ามาร่วมวงจริงๆ มุมมองก็เปลี่ยนคะ ได้เจอมิตรภาพใหม่ๆ ยิ่งทำงานด้วยกันนานเข้าก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น จนเกลไม่เรียกว่าการทำงานแล้วคะ เรียกว่าเป็นการพบปะเพื่อนฝูงมากกว่า ถึงแม้ว่าในการทำงานจะไม่ได้ราบรื่นหรือไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด แต่เราทุกคนก็ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน อันนี้เป็นจข้อดีของวงเกิร์ลกรุ๊ปที่จะสนิทกันมากคะ ดังนั้นการทำงานจึงไม่ค่อยมีปัญหา ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน ทุกอย่างเลยลงตัวเป็น Kiss Me Five คะ"

มุมมองจากครอบครัว

"ตัวเกลเองรู้สึกปรกติธรรมดานะคะ แต่ที่บ้านบอกว่าเกลโตขึ้น มีความคิดความอ่าน และการตัดสินใจที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่งอแงเหมือนเด็กๆ แล้ว ก็เลยกลับมาคิดว่า การทำงานตรงนี้มันคงทำให้เราโตขึ้นแบบไม่รู้ตัว ด้วยประสบการณ์ในการทำงาน ในการพบเจอสังคม คงช่วยหล่อหลอมการดำเนินชีวตเราให้แกร่งขึ้น แต่เกลถือว่าตัวเองโชคดีนะคะ ที่ได้ก้าวนำเด็กรุ่นเดียวกันออกไปก้าวหนึ่ง"

เด็กกิจกรรม

"ถึงเราจะเป็นศิลปิน ไม่ค่อยมีเวลามาเรียนเท่าไหร่ แต่เกลก็ทำทุกกิจกรรมที่ทางมหาวิทยาลัยคาดหวังในตัวนิสิตทุกคนนะคะ เพราะรู้สึกว่าต้องทำให้เต็มที่ทั้งการงานและการเรียน จะพยายามมาเรียนให้ครบทุกครั้ง พยายยามเข้าทุกกิจกรรม เพื่อจะได้เท่าเทียมกับเพื่อนๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นพูดได้ว่าเราเอาเปรียบ ถึงแม้เรียนเสร็จต้องทำกิจกรรมต่อ และกลับมาซ้อมเต้น มันจะเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมากก็ตาม แต่เกลก็ภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่รักควบคู่ไปด้วยกันคะ"

"การเรียนอย่าไปเครียดกับมันจะดีที่สุด ให้คิดว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เราต้องเรียนรู้ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเรียนจบมา เราจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมารึเปล่า แต่ก็ควรขอบคุณการเรียนที่ทำให้เราโตขึ้นคะ"

*ขอบคุณร้าน Ministry of food ที่เอื้อเฟื้อสถานที่

ที่มา "การศึกษาวันนี้"

ผู้เขียน : ST.Moolthep