สธ.รณรงค์พ่อแม่แจกถุงยางให้ลูกสาววัยมัธยมพกติดตัวเสมอ
กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ารณรงค์ผู้ปกครองที่มีบุตรสาวเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาขึ้นไป ต้องให้บุตรสาวพกถุงยางอนามัยติดตัวเสมอ เชื่อจะช่วยลดปัญหาการท้องไม่พร้อมและการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้มาก หลังพบตัวเลขเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี กลายเป็นพ่อแม่มือใหม่และติดเชื้อทางเพศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ากรมควบคุมโรคจะเดินหน้ารณรงค์ให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตร-หลาน เพศหญิง ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษา ไปรับถุงยางอนามัยฟรีที่โรงพยาบาลทุกแห่งเพื่อให้เด็กพกติดตัวไว้ เมื่อต้องมีเพศสัมพันธ์จะได้นำออกมาใช้ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาการท้องก่อนวัยอันควร ยืนยันไม่กลัวหากสังคมจะต่อต้านเพราะถึงเวลาที่สังคมไทยต้องยอมรับความจริงแล้วว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจห้ามได้ และเด็กทุกวันนี้เติบโตและเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้เร็ว ซึ่งรวมไปถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย แต่การที่สั่งคมปิดกั้นและหลอกตัวเองไม่ยอมให้ลูกหลานรับรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย จากการเก็บข้อมูลเด็กทารกแรกเกิดในแต่ละปีพบ 1 ใน 4 เกิดจากแม่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ 1 ใน 5 เกิดจากแม่วัยรุ่นที่ไม่อยากมีลูก หรือคิดเป็นร้อยละ 20 เกิดการทอดทิ้ง หรือเลี้ยงดูอย่างไม่มีคุณภาพ ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กด้อยทั้งทางร่างกาย สติปัญญา รวมถึงอารมณ์ด้วย
นอกจากนี้ยังพบผู้มาใช้บริการคลินิกโรคทางเพศสัมพันธ์ล่าสุดเป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ประมาณ 4 ใน 6 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด สะท้อนว่าเด็กและเยาวชนไทย เข้ามาข้องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กันมากและเร็วขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจเด็กหญิงชั้น ม.2 ร้อยละ 20 ยอมรับเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ชั้น ม.5 เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วร้อยละ 40 และเด็กในสายอาชีวศึกษายอมรับเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเด็กส่วนใหญ่มักไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพราะสังคมปลูกฝังไว้ว่าเป็นเรื่องของผู้ชายและน่าอายถ้าผู้หญิงจะพก
ดังนั้นหากต้องการให้บุตรหลานตัวเองปลอดภัยอย่างแท้จริง คือ ต้องยอมรับการเปลี่ยนไปของสังคม และเปลี่ยนค่านิยมใหม่ให้การพกและใช้ถุงยางอนามัยเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้แต่ละปีกระทรวงสาธารณสุขมีการสั่งซื้อถุงยางอนามัย 60 ล้านชิ้น กระจายไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ทุกระดับจนถึงระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งประชาชนสามารถไปขอรับได้ฟรี
ข้อมูลข่าวและที่มา-สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์