รถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน แหล่งแพร่เชื้อ

รถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน แหล่งแพร่เชื้อ

รถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน แหล่งแพร่เชื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้ำมันแพง จอดรถอยู่บ้าน ใช้บริการสาธารณะ ระวังเชื้อหวัด เล็กและใหญ่เล่นงาน พฤติกรรมคนเมือง หยุดใช้รถส่วนตัว หันมาจอดแล้วใช้รถไฟฟ้า หรือรถใต้ดิน บ้างประหยัดสุด สนองนโยบายรัฐบาลขึ้นรถเมล์ฟรี แต่ระวังแหล่งแพร่เชื้อโรค โดยเฉพาะหวัดและไข้หวัดใหญ่ พบว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่แพร่เชื้อโรคสู่คนหมู่มาก ถ้าเราต้องใช้รถโดยสารร่วมกับผู้อื่น หากมีผู้ป่วยร่วมเดินทางด้วย โอกาสที่เราจะได้รับเชื้อก็มีสูง เราจะมีวิธีปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจาก โรคทางเดินหายใจ ได้อย่างไร

ทำอย่างไรเมื่อต้องนั่งติดกับคนเป็น หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่

เราคงเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาแล้ว นั่งอยู่ในรถ เลือกทำเลดี ทำเลเหมาะ นั่งไปสักพัก คนข้างเราเริ่มไอเป็นระยะ บางทีก็ไอแห้ง บางคนก็มีเสียงประกอบเป็นเสมหะในลำคอ บางโอกาสเจอจามเจอสั่งน้ำมูกเป็นชุด เจอเข้าแบบนี้แนะนำข้อแรก ให้ลุกหนีออกจากจุดนั้นทันที ยอมเสียที่นั่งหรือที่ยืนเหมาะ ๆ ไปหาชัยภูมิใหม่ ๆ ดีกว่า


แต่ถ้าเจอประเภทชั่วโมงเร่งด่วน เล่นตัวมากไม่ได้ คุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ดร.โฮเวิร์ด มาเคล จากมหาวิทยาลัย มิชิแกน แนะนำวิธีที่ดีที่สุด "อย่าให้ใครมาไอใส่หน้าเรา แบบที่แม่สอนไว้ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าจนมุมหนีไปไหนไม่ได้จริง ๆ ให้ใช้ยุทธวิธี กลั้นหายใจ หรือหายใจแบบยั้ง ๆ ไม่เต็มที่"

สถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่านั้นที่ต้องระวัง ถ้านั่งอยู่ใกล้ ๆ เด็กที่ไอหรือไม่สบาย ต้องหนีห่างให้เร็วยิ่งขึ้น เพราะเด็ก ๆ จะไม่มีนิสัยที่ปิดปากปิดจมูก เวลาจามหรือไอ โอกาสที่เชื้อหวัดจะแพร่กระจายมาหาเราได้ง่ายและเร็ว

แต่ถ้าลูกหลานคุณเองไม่สบาย กำลังไอ กำลังจาม ความเสี่ยงของผู้ใหญ่จะเพิ่มมากขึ้น เพราะมีการวิจัยพฤติกรรมเด็ก ๆ ว่านอกจากลืมตัว ไม่ระวังแล้ว เด็กมักจะมีนิสัยเอามือไปล้วงคุ้ยแคะจมูก ปาก หรือไอ แล้วเอามือที่มีเชื้อโรคไปป้ายตามที่ต่าง ๆ ในบ้าน หรือตัวเอง ค่าเฉลี่ยหนึ่งชั่วโมงเด็กจะเอามือสัมผัสตัวเองถึง 40 ครั้ง

ถ้าอยู่ในรถโดยสารลองนึกดูว่าที่นั่งหรือที่จับต่าง ๆ จะเขรอะไปด้วยเชื้อโรคมากแค่ไหน ถ้าเรามีแว่นวิเศษส่องจับเชื้อโรคเห็นเรืองแสงขึ้นมาก่อนขึ้นรถ รับรองว่าเราคงยอมเดินไปทำงานแน่ ๆ เพราะมือที่เราจับไปบนรถนั้น เรามีโอกาสจะได้เชื้อโรคสารพัดติดมือกลับมาโดยไม่ต้องการ และถ้าเราเอามือมาคุ้ยแคะแกะเกา กับร่างกายเรา หรือใช้มือขยี้ตา ใช้มือหยิบขนมกิน เจ้าเชื้อโรคก็สมประสงค์ที่ย้ายจากคนอื่นมาสู่ตัวเรา

วิธีการตัดตอนวงจรเชื้อโรคร้ายนี้ คือ ล้างมือทันทีหลังจากใช้บริการสาธารณะ ก่อนที่จะใช้มือทำอะไรต่อมิอะไร อันเป็นการเปิดโอกาสเชื้อเชิญให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเรา

เลือกที่ปลอดภัยในรถ

ยังไม่มีการวิจัยแบบเป็นจริงเป็นจังว่า ที่ไหนในรถโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรา หรือบ้านเขา ส่วนไหนเสี่ยง หรือปลอดโรคจากเชื้อโรคทางเดินหายใจ แต่มีหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่าเสาสแตนเลส ในรถไฟฟ้า ราวจับในรถที่เป็นสแตนเลส เป็นแหล่งชุมชนของเชื้อไวรัสและแบคที่เรีย อาศัยอยู่ และสามารถเป็นตัวกลางในการส่งผ่านเชื้อร้าย จากมือคนหนึ่งไปสู่อีกหลาย ๆ มือ ทำให้ทุกคนสามารถพาเชื้อกลับไปบ้านหาคนในครอบครัวได้ด้วย

การเลี่ยงไปอยู่ในส่วนหัวหรือท้ายขบวนรถไฟฟ้าหรือด้านหน้าสุดหรือหลังสุดของรถเมล์ ดูจะเป็นการลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง หรือนั่งรถเมล์ที่ใกล้หน้าต่างก็จะเบาใจได้บ้าง ยามที่มีคนไม่สบายอยู่ในรถ คงไม่หนีเสือปะจระเข้ด้วยการรับเชื้อจากข้างนอกรถ ที่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน

เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร

ผลการศึกษาทางระบาดวิทยา ระบุว่า เชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายของเรา ส่วนใหญ่จะมาจาก
มือสู่ปากของเรา เพราะการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์เรา จะเอามือสัมผัสตัวเอง ไม่ว่า ขยี้ตา แคะจมูก ลูบหน้าลูบตา เฉลี่ยชั่วโมงละ 18 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเด็กครึ่งหนึ่ง

มือที่รับเชื้อมาจากที่ต่าง ๆ หากเราไม่ทันได้ระวัง เอามือไปจับของกินหรือไปสัมผัสกับปาก เชื้อโรคที่พร้อมจะแพร่พันธุ์ก็ทำหน้าที่ของมันทันที
บอกตัวเองให้ล้างมือให้บ่อยให้เป็นนิสัย บางคนพกน้ำยาทำความสะอาดติดตัว ก็เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับคนช่างใช้มือแต่ไม่สามารถหาอ่างล้างมือได้
บ้างก็อนามัยแบบสุด ๆ ด้วยการคาดผ้าปิดปากปิดจมูกยามที่ออกเผชิญกับความเสี่ยง แต่ก็ต้องแลกกับความแปลกที่ใคร ๆ อาจจะมองคุณบ้าง แต่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

ไม่ได้บอกให้คุณประสาทเสียกับการเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ เพราะการที่เราจะป่วยไม่ใช่เพราะแค่ได้รับเชื้อโรคเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณของมันด้วยว่ามากเพียงพอหรือไม่ และร่างกายเรากำลังอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันกำลังอ่อนแรงพอดี เป็นช่องว่างให้มันเพาะตัวโจมตีเราได้

คนที่ออกกำลังกายเสมอ พักผ่อนเพียงพอ หากได้รับเชื้อที่มากแต่ร่างกายก็มีภูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะป้องกันตัวเองได้

เคยสังเกตไหมว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพื่อนที่มีการดูแลตัวเองดี พวกออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่นอนดึก ไม่สูบบุหรี่ เลือกกินอาหาร หรือเสริมวิตามิน เพื่อนเราพวกนี้จะไม่ป่วยบ่อย นั่นเป็นเพราะการทำให้ภูมิคุ้มกันของเราสูงอยู่เสมอ เชื้อโรคก็ทำร้ายได้ยาก

เจ้าเชื้อโรคร้ายก็เหมือนหัวขโมยที่จ้องเข้าบ้าน บ้านไหนไม่ป้องกัน เข้าได้ง่ายมันก็เลือกบ้านนั้นก่อน ทำรั้วบ้านคุณให้แข็งแรง ทั้งบ้านทั้งร่างกายก็ปลอดภัย

ที่มา Never_Age

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook