ลองมาฟังคุณครู พูดถึง ศิษย์ชื่อ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ซิสเตอร์อรศรี มนตรี ผู้บริหารโรงเรียนปิยมาตร์ อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเคยเป็นครูประจำชั้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องในวันครู 16 มกราคมนี้ ว่า สมัยเรียนอนุบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย อยู่ในระเบียบ เป็นที่รักของเพื่อน ร่วมทำกิจกรรมกับโรงเรียนตลอด ในวันครูปีนี้รู้สึกดีใจ ภาคภูมิใจที่มีโอกาสพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ผู้นำประเทศหญิงคนแรก ซึ่งเป็นลูกศิษย์อีกครั้ง
"ช่วงกว่า 1 ปีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ รู้สึกว่ามีความเข้มแข็ง อดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น และน้อมรับคำชี้แนะ แนะนำจากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองและทุกภาคส่วนมาตลอด ถือเป็นจุดเด่นของนักบริหาร และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่มาถึงจุดนี้ อยากให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความเข้มแข็ง อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และก้าวสู่เป้าหมายให้สำเร็จ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางพัฒนา สำหรับด้านการศึกษา ไม่อยากให้รัฐบาลเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการ ศธ.บ่อย เพราะนโยบายอาจไม่ต่อเนื่องหรือหยุดชะงัก ซึ่งบางโครงการ เช่น ค่ารถฟรี อาจกระทบโรงเรียนขนาดเล็ก ทำให้แย่งนักเรียนกัน หรือเงินเดือนครูปริญญาตรี 15,000 บาท โรงเรียนขนาดเล็กได้รับผลกระทบมาก เพราะได้รับเงินอุดหนุนน้อย จึงอยากฝาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลให้มีความเท่าเทียมโรงเรียนรัฐในเมือง พัฒนาบุคลากรทางการศึกษาและยกเว้นค่าใช้จ่ายประชุมสัมมนาทางการศึกษา และปรับโครงสร้างกาศึกษาเอกชน ให้มีการบริหารการศึกษาคล่องตัวมากขึ้น ไม่ติดระเบียบราชการมากนัก โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กและห่างไกลไม่ได้ร่ำรวย ล้มลุกคลุกคลานตลอด ที่อยู่ได้ เพราะเครือข่ายโรงเรียนเอกชนต่างดูแลและสนับสนุนซึ่งกันและกัน" ซิสเตอร์อรศรีกล่าว
นางสุภาพ วัฒนวิกย์กรรม์ อาจารย์ประจำชั้น ม.5-ม. 6 ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สมัยเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ. เชียงใหม่ และเป็นครูสอนภาษาไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เผยว่า รู้จัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอนเป็นอาจาย์ที่ปรึกษา และเป็นรุ่นพี่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งจบจากโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่ง
ตอนนั้นในห้องมีนักเรียนหญิง 10 กว่าคน จึงดูแล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนักเรียนเรยีนา ร่วมกับน.ส.ฟ้ามุ่ย รัตนคีรี ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหมวดธุรกิจศึกษา แต่จบจากสถาบันเดียวกัน
"ตอนนั้น "ปู" เป็นนักเรียนหญิงน่ารัก มารยาทเรียบร้อย จึงนำมาฝึกฝน เพื่อส่งเข้าประกวดมารยาทไทย ระดับมัธยมปลาย โดยฝึกประมาณ 1 เทอม ช่วงพักเที่ยง ซึ่งเขามีความพยายาม อดทน และมุ่งมั่นฝึกซ้อมหลายเดือน ทั้งความสวยงามและถูกต้อง อาทิ พนมมือกราบพระ ไหว้ผู้ใหญ่ นั่งพับเพียบ เดินเข่า จนชนะเลิศประกวดมารยาทไทย บุคคลหญิง และส่งผลจนถึงปัจจุบัน มีเสียงชื่นชมว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไหว้สวย บุคลิกอ่อนน้อม รู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษ"นางสุภาพ กล่าว
สมัยเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความเป็นธรรมชาติ ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ เป็นผู้ถือป้ายกีฬาสีฟ้า แสดงละครเสภาเรื่อง "ขุนช้างขุนแผน" เล่นเป็น "ลาวทอง" และเป็นคณะกรรมการโรงเรียน ตำแหน่ง "เหรัญญิก" รุ่น "บัวเกี๋ยง" ปี 2527 ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีบุคลิกเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าทำ มีความพยายาม อดทนสูง มอบหมายหน้าที่ก็ทำจนสำเร็จ การเรียนและกิจกรรมอยู่ในขั้นดี และขอบช่วยเหลือเพื่อน จนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมชั้น ม.6/5 กระทั่งสำเร็จการศึกษาสาย "ศิลป์-คณิต" และสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขณะที่นายมหวรรณ กะวัง ที่ปรึกษาชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยปี 24-27 รุ่นบัวเกี๋ยง และอดีตประธานนักเรียนโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยปี 27 เพื่อนร่วมรุ่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า กว่า 1 ปีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ เชื่อมั่นว่าสามารถพารัฐนาวาไปตลอดรอดฝั่ง จนครบวาระ 4 ปี เพราะพิสูจน์ฝีมือ ทุ่มเทและตั้งใจจนหลายโครงการของรัฐบาลประสบผลสำเร็จ อาทิ บ้านหลังแรก รถคันแรก รับจำนำข้าว ปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 บาท ค่าแรง 300 บาท แต่ความสำเร็จอาจมีอุปสรรค หากไม่จริงจังปราบปรามปัญหาทุจริต หรืออุดช่องโหว่ไม่ได้ อาจทำให้รัฐบาลสะดุดได้
"สมัยเรียนมัธยมปลาย น.ส.ยิ่งลักษณ์มีบุคลิกเป็นผู้นำอยู่แล้ว และไม่มีความคิดทะเยอทะยานทางการเมือง แม้ครอบครัวจะอยู่ในแวดวงการเมืองนานแล้ว และช่วงวันครูในสมัยนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เป็นตัวแทนห้องนำพานพุ่มกราบไหว้ครูอาจารย์ เพราะเป็นผู้มีมารยาทเรียบร้อย เมื่อเข้าสู่วงการเมืองก็มีบุคลิกสุภาพอ่อนน้อม ประนีประนอม ไม่ตอบโต้ทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สังคมยอมรับ อยากให้ประคับประคองรัฐบาลบริหารประเทศไปอีก 2-3 สมัย เพราะคุณสมบัติของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เหมาะกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน" นายมหวรรณกล่าว