ประเดิมลงดาบครูผช.โฉ่ เด้ง-สอบ7ราย′ผอ.-รอง′เขตขอนแก่น ปรับผัง-แก้บัตรอุตลุด ส่อเปิดช่องเอื้อ′มือยิง′

ประเดิมลงดาบครูผช.โฉ่ เด้ง-สอบ7ราย′ผอ.-รอง′เขตขอนแก่น ปรับผัง-แก้บัตรอุตลุด ส่อเปิดช่องเอื้อ′มือยิง′

ประเดิมลงดาบครูผช.โฉ่ เด้ง-สอบ7ราย′ผอ.-รอง′เขตขอนแก่น ปรับผัง-แก้บัตรอุตลุด ส่อเปิดช่องเอื้อ′มือยิง′
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ดีเอสไอ"ลุยซัก กก.คุมห้องสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยโซนอีสาน หาหลักฐานล่า"มือยิงคำตอบ" ระบุ"อุดรฯ-ยโสธร-ชัยภูมิ-ขอนแก่น"โกงชัด เตรียมชง ศธ.ยกเลิกรายเขตพื้นที่ "ชินภัทร"เด้ง"ผอ.-รอง ผอ." สพป.ขอนแก่น เขต 3

ความคืบหน้ากรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ส่งเอกสาร "ลับ" ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการเกี่ยวกับการทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการครูในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีความเชื่อมโยงของขบวนการตั้งแต่ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการสำนักในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เครือข่ายทุจริตในพื้นที่ ที่มีทั้งระดับผู้อำนวยการโรงเรียน ข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) นักการเมืองท้องถิ่น ไปจนถึงนักการเมืองระดับชาตินั้น

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าขบวนการทุจริตชุดดังกล่าวเตรียมแก้มือในการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีทั่วไปในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยอาจมีการทุจริตครั้งใหญ่เพื่อให้พนักงานราชการที่จ่ายเงินแล้ว แต่สอบตก ได้สอบคัดเลือกผ่านนั้น จากการหารือกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. และนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รวมทั้งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ตนได้ให้นโยบายแนวทางการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยครั้งใหม่ ว่าควรให้สถาบันวิชาการหรือมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ และจัดส่งข้อสอบ เพื่อทุกฝ่ายจะได้สบายใจ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยให้สถาบันเหล่านี้ดำเนินการ และมีปัญหาน้อยกว่า จึงมอบให้เลขาธิการ กพฐ.ไปติดต่อ ว่าจะมีสถาบันหรือมหาวิทยาลัยใดรับดำเนินการได้ เพื่อให้การจัดสอบไม่ล่าช้า เพราะจะกระทบกับโรงเรียนเอกชนได้ ฉะนั้น ต้องพยายามจัดสอบให้เร็ว โรงเรียนเอกชนจะได้หาครูมาทดแทนที่ลาออกมาสอบครูผู้ช่วยได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน

นายพงศ์เทพกล่าวต่อว่า ส่วนการสมัครสอบคัดเลือกนั้น เบื้องต้นได้ให้แนวทางว่าจะให้สมัครสอบได้หลายแห่ง แต่เมื่อปิดรับสมัครต้องแจ้งว่าจะสอบที่ไหน เมื่อแจ้งข้อมูลแล้วจะถูกตัดชื่อในเขตพื้นที่การศึกษาที่ไม่ได้เลือกออก เหลือชื่อเข้าสอบเพียงเขตพื้นที่ฯเดียว วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตเข้าสอบแทนกันอีก อย่างไรก็ตาม แนวทางทั้งหมดนี้จะนำเข้าหารือในที่ประชุม ก.ค.ศ.ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาวาระการยกเลิกผลการสอบครูผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมาด้วย

"สำหรับกรณีที่ดีเอสไอจะเรียกสอบสวนผู้สอบติดครูผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมาที่มีคะแนนสูงผิดปกติ จำนวน 486 รายนั้น สมควรต้องเรียกสอบ เพราะบางคนได้เกือบเต็ม ซึ่งปกติแล้วไม่มีใครได้คะแนนแบบนี้ เพราะนอกจากคะแนนผิดปกติแล้ว ยังมีความผิดปกติอื่นๆ ที่ดีเอสโอจะต้องไปสอบด้วย เช่น ผู้สอบมีถิ่นฐานบ้านอยู่อีกเขตพื้นที่หนึ่งและเก่งขนาดนี้ ทำไมต้องไปสมัครสอบในเขตพื้นที่ที่ไกลออกไปถึง 300-400 กิโลเมตร ซึ่งเห็นอยู่ว่าผิดปกติ ไม่น่าจะเก่ง และสอบได้เอง ทั้งนี้ ผู้มีคะแนนสูงผิดปกติทั้ง 486 ราย จะต้องไปตรวจสอบดูคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การรับสมัครคัดเลือกว่ายังสามารถสมัครได้หรือไม่ด้วย โดยจะให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาอย่างรัดกุม" นายพงศ์เทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเอกสารลับของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่มีนายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน ระบุว่ามีการแอบอ้างของขบวนการทุจริตว่า จะหาเงินส่งรัฐมนตรี ศธ.นั้น นายพงศ์เทพกล่าวว่า ต้องตรวจสอบให้หมดว่าเป็นรัฐมนตรีคนไหน เพราะตนและนายเสริมศักดิ์บอกชัดเจนว่า เรื่องนี้ต้องเอาจริง และทำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ยืนยันได้ว่าตนและนายเสริมศักดิ์ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ฉะนั้น ถ้าแอบอ้างรัฐมนตรีคนไหนก็จะตรวจสอบให้เต็มที่ และข้าราชการคนไหนที่แอบอ้างจะถูกดำเนินการด้วย ซึ่งใครที่ทุจริตนำข้อสอบไปเผยแพร่และเรียกเงินจากผู้สมัครสอบ จะต้องถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรง และผิดอาญาด้วย

เมื่อถามว่า กรณีมีกระแสข่าวกล่าวหามีนักการเมืองระดับชาติใน จ.ขอนแก่น ถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตครั้งนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย (พท.) จะต้องถูกดำเนินการหรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า จะต้องตรวจสอบทั้งหมด โดยดีเอสไอจะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นใคร และเมื่อส่งข้อมูลผลการสอบสวนมาให้ ศธ.จะดำเนินการต่อ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินคดีอาญาอยู่ที่ดีเอสไอ ไม่ใช่อยู่ที่ ศธ. ตนอยากให้ดีเอสไอ รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาดำเนินการอย่างเต็มที่ ใครที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาและวินัย

ด้านนายชินภัทรกล่าวว่า สพฐ.ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตการสอบครูผู้ช่วยจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ สพฐ.แต่งตั้งแล้ว ซึ่งข้อมูลชัดเจนมากขึ้นกรณีมีการทุจริตสอบที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 3 ที่มีกรณีของผู้เข้าสอบแทนกัน 2 ราย โดยผลการตรวจสอบพบความผิดปกติมากขึ้น แสดงว่าการตรวจตราผู้เข้าสอบไม่ได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ชัดเจนให้คณะกรรมการกำกับห้องสอบตรวจสอบว่าผู้เข้าสอบเป็นบุคคลเดียวกับผู้สมัครสอบ โดยดูรูปถ่ายจากบัตรประจำตัวผู้สอบ และลายมือชื่อของผู้เข้าสอบ ดังนั้น การตรวจสอบโดยกรรมการคุมสอบไม่ได้ทำตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ ทั้งยังตรวจพบว่าในบัตรประจำตัวผู้สมัครสอบทั้ง 2 รายที่มีผู้เข้าไปสอบแทน มีรอยประทับตราของ สพป.ขอนแก่น เขต 3 ซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง จึงพบพิรุธเกี่ยวกับรูปถ่ายและตราประทับของเขตพื้นที่ฯ โดยนำรูปถ่ายมาติดในบัตรผู้สมัครสอบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้รอยประทับไม่ซ้ำที่รอยเดิม

นายชินภัทรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบพิรุธการจัดที่นั่งสอบ ซึ่งปกติต้องจัดแบบวนลูกศรในทิศทางจากหน้าห้องไปหลังห้อง และสลับหลังห้องมาด้านหน้า แต่ทางเขตพื้นที่ฯจัดผังที่นั่งใหม่โดยเรียงหน้ากระดานจากซ้ายไปขวา ซึ่งไม่เป็นไปตามแบบแผนที่กำหนด ฉะนั้น ต้องไปตรวจสอบให้ละเอียดว่า เป็นคำสั่งจากใคร ทั้งนี้ จากหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้ มีข้อมูลเพียงพอที่จะโยงใยระหว่างบุคคลในเขตพื้นที่ฯกับบุคคลที่ปลอมตัวเข้าสอบแทนกัน จึงเป็นเหตุให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ.เสนอแนวทางดำเนินการกับบุคคลเหล่านี้ และตนเห็นชอบตามที่เสนอ

"คือผมได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง 7 ราย ได้แก่ ผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3, รองผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3 ที่รับผิดชอบการบริหารงานบุคคล, ผู้อำนวยการกลุ่มบุคคลประจำ สพป.ขอนแก่น เขต 3 และผู้ที่ทำหน้าที่กรรมการคุมสอบอีก 4 คน และในระหว่างนี้จะออกคำสั่งให้ย้ายผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3 และรองผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 3 ออกจากพื้นที่มาช่วยราชการที่ สพฐ. เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้สอบหาข้อมูลอย่างครบถ้วนจากบุคคลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จากผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ออกมาเบื้องต้นพบว่า บุคคลทั้ง 7 คน ส่อว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการทุจริตที่เกิดขึ้น จึงต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง" นายชินภัทรกล่าว

นายชินภัทรกล่าวอีกว่า ผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ฯใดก็ตาม หากมีข้อมูลหรือเบาะแสการทุจริตเกี่ยวข้องกับผู้บริหารหรือบุคลากรในเขตพื้นที่ฯใด หรือเกี่ยวข้องกับบุคลากรในส่วนกลาง ขอให้แจ้งข้อมูลและเบาะแสมายัง สพฐ. หรือแจ้งมาที่นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทาง สพฐ.พร้อมจะตรวจสอบโดยจะไม่ยกเว้นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จึงอยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือ เพราะการดำเนินการครั้งนี้ต้องการให้เกิดความสุจริตเกิดขึ้นในระบบการบริหารงานบุคคล ซึ่งต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมกันขจัดการทุจริตให้หมดสิ้นไป

นายชินภัทรกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่พบว่าการสอบครูผู้ช่วยครั้งที่ผ่านมามีผู้เข้าสอบเพียง 9,000 กว่าคน จากยอดสมัครกว่า 18,000 คนนั้น เป็นข้อมูลที่ปรากฏในระดับเขตพื้นที่ฯทาง สพฐ.ไม่ได้รับรายงานข้อมูลในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้สละสิทธิไม่เข้าสอบครั้งนี้ อาจเป็นไปตามที่อ้างว่าเป็นการสมัครเผื่อไว้ เพื่อจะดูว่าที่ไหนอัตราการแข่งขันน้อยกว่าก็จะไปสอบที่นั่นแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สพฐ.จะตรวจสอบกรณีเอกสารลับของ ศธ.พบความเชื่อมโยงของผู้บริหารระดับผู้อำนวยการสำนักใน สพฐ. กับผู้อำนวยการโรงเรียนในเขตพื้นที่ฯหรือไม่ นายชินภัทรกล่าวว่า ขอให้มีข้อมูลหลักฐานที่พอระบุความเชื่อมโยง หากยังไม่มี สพฐ.จะดูเฉพาะความรับผิดชอบที่ดูแล แต่หากสุดท้ายมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับใคร ก็จะดำเนินการโดยไม่ยกเว้น

นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนการทุจริตการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้ชุดสอบสวนอยู่ระหว่างการลงพื้นที่สอบปากคำกรรมการคุมห้องสอบในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อยืนยันว่ามีบุคคลที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่า เป็นมือยิงคำตอบมาเข้าสอบแทนผู้สมัครสอบรายอื่นจริงหรือไม่ จะได้ปิดประเด็นต้องสงสัยเป็นรายไป ส่วนจังหวัดที่พบปัญหามีการทุจริตชัดเจน เช่น อุดรธานี ยโสธร ชัยภูมิ และขอนแก่น ดีเอสไอจะเสนอให้ทาง ศธ.พิจารณายกเลิกการสอบเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาไป

วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช อดีตประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้ขอหารือว่า ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วย ตนมีความห่วงใยและขอเสนอแนะต่อรัฐบาลว่า จะต้องเอาจริงเอาจังและเร่งหาคนทุจริตมาลงโทษอย่างเฉียบขาด ต้องสาวไปให้ถึงคนที่อยู่ในขบวนการ และต้องนำตัวการใหญ่มาลงโทษให้ได้ ทั้งนี้ ต้องจำแนกตัวบุคคลและเขตพื้นที่การศึกษา หากบุคคลใดหรือเขตพื้นที่ใดไม่ได้กระทำทุจริตก็ต้องให้ความคุ้มครองด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook