สังเกต..พฤติกรรมลูก ติดพนันออนไลน์หรือเปล่า?
ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา หากผู้ปกครองท่านไหน พบพฤติกรรมลูกๆ หลานๆ นั่งแช่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ท่องโลกออนไลน์ หรือเล่นเกมเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะต้องหันมาสนใจพวกเขาเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้มี "เว็บไซต์พนันออนไลน์" นับแสนเว็บในโลกอินเตอร์เน็ต
ในงานเสวนาหัวข้อ "พนันออนไลน์ ภัยร้ายช่วงปิดเทอม" จัดโดยมูลนิธิสดศรี สฤษดิ์วงศ์ ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ณ โรงแรม VIC 3 พหลโยธิน ซอย 3 พญาไท กรุงเทพฯ
ศรีดา ตันทะอธิพานิช จากมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า อินเตอร์เน็ตช่วยให้เข้าถึงพนันออนไลน์ได้อย่างง่ายดายภายใน 3 คลิ๊ก จึงทำให้มีคนเข้าไปสู่วงจรของพนันออนไลน์กันมากขึ้น และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ มีก็ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้การเข้าถึงเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับการดูแลเด็กไม่ให้เข้าสู่วงจรการพนันออนไลน์ มีหลายวิธี "ศรีดา" แนะนำว่า 1.ควบคุมการเข้าเว็บไซต์ของเด็ก และควบคุมไม่ให้เด็กเอาบัตรเครดิตของเราไปใช้ พร้อมเช็กสลิปตลอด, 2.ตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องรวมและแชร์กันใช้, 3.มีการพูดคุยเรื่องการพนันกับลูก และ 4.มีกติกาในการใช้อินเตอร์เน็ต
"จริงๆ เรามีซอฟต์แวร์ในการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ แต่หลายๆ โปรแกรม เพียงแค่ 15 นาที เด็กๆ ก็แฮกได้แล้ว เพราะสมัยนี้เด็กเขาจะเก่งไอทีมากกว่าผู้ใหญ่ การแก้คงต้องอาศัยมาตรการร่วมกันระหว่างหลายฝ่ายโดยเฉพาะผู้ประกอบการ โดยให้ลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อเวอริฟายผู้เล่น, จำกัดเวลาและวงเงินเล่น นอกจากนี้ อยากให้มี "สายด่วนเลิกพนัน" และควรมีการควบคุมโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับพนันทั้งหมด" ศรีดากล่าว
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิศณุโยธิน จากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เล่าว่า พ่อแม่สามารถสังเกตได้ว่าลูกติดการพนันหรือเปล่า เพราะอาการติดการพนัน ถือเป็นโรคทางสุขภาพจิต โดยมีเกณฑ์การวินิจฉัยตามระบบจิตแพทย์อเมริกัน คือ ใช้เกณฑ์ 10 ข้อมาวัด โดยแยกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
ด้านสุขภาพ 6 ข้อ ได้แก่ พฤติกรรมโกหก, พฤติกรรมยืมเงิน, พฤติกรรมการขาดโรงเรียน เกรดตก, ปัญหาการใช้เวลาอยู่คนเดียวมากขึ้น, เพิ่มความถี่ของพฤติกรรมอยู่คนเดียว, ทะเลาะกับพ่อแม่และเพื่อน
ด้านอารมณ์ 1 ข้อ ได้แก่ มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เวลาเล่นได้จะมีความสุข เฮฮา สนุกสนาน ช่วงที่เล่นเสียจะหงอย เศร้า แยกตัว
ด้านความคิด 3 ข้อ ได้แก่ คิดว่าเล่นแล้วจะชนะเสมอ, เล่นเพื่อหนีปัญหา โดยไม่คิดว่าสาเหตุที่เกิดปัญหามาจากการเล่น, คิดว่าตัวเองจะเลิกเมื่อไรก็ได้ แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้กลับมาเล่นใหม่
"ถ้าเด็กมี 5 ข้อขึ้นไปใน 10 ข้อนี้ให้ระมัดระวังว่าลูกคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะของการติดการพนัน" นพ.ทวีศิลป์ย้ำ ก่อนเสริมว่า
"อาการของเด็กที่เป็นโรคติดการพนัน ส่วนใหญ่จะมีอาการซึมเศร้า ยิ่งพอโดนห้ามไม่ให้เล่นแล้วจะรู้สึกแย่ไปหมด บางครั้งจะมีความคิดฆ่าตัวตาย ต้องใช้ยาร่วมกับจิตบำบัด และครอบครัวบำบัดในการรักษา ซึ่งครอบครัวเป็นปัจจัยปกป้องที่สำคัญที่สุด ฝากพ่อแม่ช่วยสังเกตใช้เวลาหยุดของครอบครัวช่วงนี้ในการดูแล สังเกตพฤติกรรมลูก แล้วความรักจากพ่อแม่จะช่วยหยุดการติดพนันของลูกได้" นพ.ทวีศิลป์ทิ้งท้าย
ขณะที่ "บอย" เยาวชนผู้เคยติดการพนัน เผยว่า ตนคลุกคลีอยู่กับการพนันตั้งแต่เด็ก เห็นชาวบ้านแถวนั้นเล่นการพนันพื้นบ้านกันโดยทั่วไป ทั้ง กัดปลากัด ไก่ชน และชนวัว หลังจากได้เห็น ก็เริ่มเรียนรู้ และสัมผัสการพนันมาเรื่อยๆ
"อย่างโปกเกอร์และสล็อตรู้จักมาจากเฟซบุ๊ก ซึ่งผมก็เล่นมาตั้งแต่นั้น ผมว่าที่คนไทยนิยมเล่นพนันออนไลน์ ก็เพราะจากเฟซบุ๊กนี่แหละ ต่อมาก็หันมาเล่นพวกพนันบอล หนักเข้าก็ชวนกันไปเล่นไพ่ในบ่อนเถื่อนกับเพื่อนๆ สุดท้ายเมื่อตัวเองติดการพนันจริงๆ ก็เริ่มไปเข้าบ่อนเถื่อนคนเดียวเล่นหนัก รวมๆ แล้วผมเสียเงินไปกับการพนันร่วม 20,000 บาท"
ทุกวันนี้ "บอย" เลิกเล่นการพนันแล้ว เพราะบิดาขอให้เลิก เพราะไม่อย่างนั้นจะตัดความเป็นพ่อเป็นลูก
"ผมรู้สึกสำนึกผิด และอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อรู้ว่าเราก็เลิกได้ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ทำให้พ่อแม่เสียใจกับเราเยอะ พอตัดสินใจเลิกได้ก็เริ่มหากิจกรรมทุกอย่างที่โรงเรียนเท่าที่ผมจะทำได้ เล่นกีฬา เล่นดนตรี จนทำให้เราเลิกคิดถึงเรื่องการพนันไปเลย" บอยเล่า พร้อมทิ้งท้าย
"วิธีการป้องกันลูกจากพนันออนไลน์ที่ดีที่สุด ให้หากิจกรรมทำร่วมกับพวกเขา พลังของครอบครัวนี่แหละสำคัญที่สุด"