มั่นใจ ทำความเข้าใจ มีความพยายาม เคล็ดลับเก่งอังกฤษของเจมส์ มาร์
ฉบับที่แล้วพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับคุณชายใหญ่แห่งวังจุฑาเทพมาแล้ว ฉบับนี้ I Get English ขอเอาใจแฟนๆ คุณชายอีกครั้งด้วยการพาน้องเล็กของวังมาพูดคุยกับเราบ้าง เขาคนนี้เป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ต้องใช้ชีวิตเกี่ยวพันกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ใช่แล้ว... เขาก็คือหนุ่มตี๋สุดน่ารัก "เจมส์ มาร์" นั่นเอง เจมส์ มาร์ เป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง (คุณพ่อเป็นคนไทย ส่วนคุณแม่เป็นคนฮ่องกง) เกิดและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย จนถึง 8 ขวบ จากนั้นย้ายไปเรียนที่ฮ่องกง จนอายุได้ 16 ปี จึงกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง เจมส์ มาร์จึงสามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเปรี๊ยะ และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เจมส์เริ่มต้นบทสนนากับเราด้วยการ แนะนำตัวและเล่าถึงการเรียนของตัวเอง
"ผมเรียนที่ NIST (New International School of Thailand) ตั้งแต่อนุบาลจนถึง Year 3 ครับ พอไปฮ่องกงก็เรียน Year 4-6 ที่ Quarry Bay School เป็นโรงเรียนนานาชาติเหมือนเดิม พอขึ้น Year 7 ก็ไปเรียนที่ South Island School ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือเดียวกัน พอกลับไทยมา เรียนต่อที่ Harrow International School และตอนนี้ผมเรียนที่ ABAC อยู่ปี 4 แล้วครับ"
ขณะนี้เจมส์ มาร์กำลังสนุกกับการเรียนในคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชา Business English วิชาโท Marketing และเพิ่งค้นพบว่าการเรียนในสาขานี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบภาษาอังกฤษมากขึ้นอีก "ศิลปศาสตร์ไม่ใช่แค่สอนวิธีการพูด แต่สอนวิธีการใช้ภาษาให้เป็นเพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจ เช่น การเขียนจดหมายธุรกิจ มันก็มีวิธีเขียนหลายแบบเราได้เรียนรู้วิธีการเขียน การพูด การนำเสนองานที่แอดวานซ์ขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือเราก็สนุกด้วย ผมชอบครับ นานๆ ไปกลายเป็นคนที่ชอบภาษาขึ้นมาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ"
พูดได้ทั้งไทยและอังกฤษ ว่าแต่...หนุ่มเจมส์ใช้ภาษาอะไรสื่อสารกับครอบครัวกันนะ
"พูดภาษาไทยครับ คุณแม่พูดภาษาไทยได้อยู่แล้ว และเราจะพูดภาษาอังกฤษกันด้วย เพราะแม่กับพ่อเขาอยากให้เราพูดเป็นเลยพูดภาษาอังกฤษด้วยตั้งแต่เด็ก ดูหนังเป็นภาษาอังกฤษ และทำกิจกรรมหลายๆ อย่างเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กครับ"
แล้วภาษาจีนล่ะ ถนัดด้วยหรือเปล่า
"ที่จริงตอนอยู่ฮ่องกงผมใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ ภาษาจีนที่เขาใช้กันที่นั่นคือจีนกวางตุ้ง ไม่ใช่จีนกลาง ผมเองได้เรียนจีนกลางเป็น basic เหมือนทุกคนเรียน แต่เราก็รู้ประมาณนึงน่ะครับ จริงๆ จีนกลางผมพูดไม่ได้เลย ส่วนจีนกวางตุ้งไม่ได้เรียน อาศัยดูทีวีกับดูคนรอบข้างแล้วพูดตาม เลยพอพูดได้นิดหน่อยครับ"
คิดว่าการที่พูดได้หลายภาษามีข้อดีอย่างไร
"มีข้อดีคือเวลาเราเจอคนที่ใช้ภาษานั้น เราก็สามารถคุยกับเขาได้ เราไปอยู่ที่ไหนก็ได้ คุยกับใครก็ได้ เป็นการฝึกสมองด้วย แล้วมันก็เป็นตัวสร้างความมั่นใจให้กับเราด้วยครับ"
มีคำพูดติดปากที่เป็นภาษาอังกฤษบ้างไหม
"ต้องย้อนกลับไปตอนอยู่ฮ่องกงครับ คงจะเป็นคำว่า Yo! What's up! เป็นการทักทายกันในหมู่เพื่อนๆ ใช้ได้ตลอดเวลา ส่วนตอนนี้คงเป็นสแลงไทยคำว่า "ชิล" ที่มาจากคำว่า Chill ที่แปลว่า "เย็น สบายๆ" มันเป็นสแลงที่ผมใช้ค่อนข้างบ่อย"
หลายคนกังวลกับแกรมมาร์มาก เจมส์มีความเห็นว่าอย่างไร
"ผมคิดว่าความเข้าใจในตัวภาษาคือสิ่งสำคัญที่สุดครับ แกรมมาร์คือการเขียนแล้วเขียนออกมาจากไหนครับ ก็เขียนมาจากสิ่งที่เราพูดนี่แหละ ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เราพูดคืออะไร แปลว่าอะไร เราก็สามารถเขียนลงไปได้แล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดว่า คำนี้ต้องเติมอันนี้ๆ ลงไปทั้งๆ ที่เราก็ไม่เข้าใจเลยว่ามันแปลว่าอะไร ถามว่าแกรมมาร์สำคัญไหม มันก็สำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่าความเข้าใจในคำหรือคำพูดที่เราใช้กันจริงๆ"
ถ้าเกิดว่าเราให้เจมส์มาเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษให้ผู้อ่าน I Get English 1 ชั่วโมง คุณครูเจมส์จะสอนอะไรเพื่อนๆ ดี
"ก็คงสอน Speaking ครับ หลายคนชอบติว่าทำไมภาษาอังกฤษพูดยากจัง จริงๆ ภาษาอังกฤษมันก็เหมือนภาษาไทยนี่แหละครับ แค่เราเรียบเรียงให้ถูก ถ้ามันฟังแล้วใช่ มันก็คือใช่ครับ ผมคอยไกด์ให้คนที่อยากจะพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ว่าอันนี้ใช่นะ เอาคำนี้ไว้ก่อนคำนี้"
ในชีวิตประจำวันเราได้ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เพื่อนบ้างไหม
"ก็มีบ้างครับ เวลาที่เรียนหรือทำงานกลุ่ม เวลาเพื่อนๆ เขียนรายงาน เราก็จะคอยบอกว่าคำนี้ต้องลงด้วย -ed นะ เป็น Past Tense เป็น Future Tense ก็ว่ากันไป เราจะคอยบอก แต่เราไม่ได้เก่งมากหรอกครับแค่มีประสบการณ์มากกว่าเขา ก็เลยถ่ายทอดให้เขารู้ได้
เจมส์ มาร์ตัวจริงเป็นคนยังไง ถ้าต้องจำกัดความตัวเองเป็นภาษาอังกฤษจะเป็นคำหรือประโยคว่าอะไรดี
"จริงๆ เป็นคนชิลๆ เป็นเด็กธรรมดาเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ชอบเที่ยว ชอบเล่นกีฬาเหมือนทุกคนแต่เป็นคนที่ซีเรียสเรื่องเรียนและเรื่องงาน อยากทำงานออกมาให้ดีครับ คำที่จะบ่งบอกถึงความเป็นเจมส์ มาร์ในภาษาอังกฤษก็คงเป็น Better than the best "ดีกว่าดีที่สุด" ครับ
เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษที่อยากฝากไว้ให้เพื่อนๆ I Get English
"ดูหนังเยอะๆ ครับ ฟังเยอะๆ พยายามอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษ ฝึกความเข้าใจให้มากๆ แล้วเราจะเข้าใจและพูดได้ เหมือนที่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นภาษาไทยมาตั้งแต่เด็กเราจึงพูดได้ "สำหรับคนที่คิดว่าภาษาอังกฤษยาก ผมอยากจะเป็นกำลังใจให้ครับ ให้พยายามทำความเข้าใจตัวภาษาให้มากๆ สุดท้ายแล้วทุกภาษาเหมือนกัน คือถ้าเราเข้าใจ รู้วิธีใช้ และเรามีความมั่นใจอยู่กับตัว มันจะทำให้เราพูดภาษานั้นได้เอง เคล็ดลับมี 3 อย่าง คือ มั่นใจ ทำความเข้าใจ และมีความพยายาม เดี๋ยวเราก็จะพูดได้เองครับ"
ถ้าคุณครูเจมส์เปิดคอร์สสอนภาษาจริง เชื่อว่าคงมีสาวๆ พร้อมสมัครเข้าเรียนกับคุณครูสุดหล่อคนนี้แน่นเอี๊ยดแน่นอน แต่ตอนนี้ลองนำเคล็ดลับจากคุณครูไปใช้ก่อนคือ "มั่นใจ ทำความเข้าใจ และมีความพยายาม" แล้วคุณจะกลายเป็นอีกคนที่สนุกกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเหมือนเจมส์ มาร์
คอลัมน์ Interview
โดย I Get English Magazine