วิทยาลัยดุสิตธานี "ปี 2020 เราจะติด 1 ใน 3 ของเอเชีย"

วิทยาลัยดุสิตธานี "ปี 2020 เราจะติด 1 ใน 3 ของเอเชีย"

วิทยาลัยดุสิตธานี "ปี 2020 เราจะติด 1 ใน 3 ของเอเชีย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโอกาสสัมภาษณ์ "วีรา พาสพัฒนพาณิชย์" อธิการบดีวิทยาลัยดุสิตธานี ดังนั้น เมื่อมีโอกาสพูดคุยจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่าทำไมวิทยาลัยดุสิตธานีถึงมีการจัดการเรียนการสอนในระดับแถวหน้าของประเทศไทย

ยิ่งเฉพาะต่อหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ทางด้านการจัดการโรงแรมและรีสอร์ต รวมถึงสาขาอื่น ๆ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และระดับนานาชาติ

เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้จึงเป็นบทสัมภาษณ์ที่เป็นคำตอบว่าทำไมนักศึกษาที่จบจากที่นี่จึงถูกจองตัวตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาฝึกหัดและทำไมนักศึกษาของที่นี่จึงเป็นที่ต้องการของตลาดอุตสาหกรรมการบริการ

ลองไปฟังดู !

- การจัดการหลักสูตรอุตสาหกรรมการบริการมีความยากง่ายอย่างไร

ไม่ยากและไม่ง่าย อย่างหลักสูตรในปัจจุบัน เราเรียกว่าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต เป็นหลักสูตรปริญญาตรี ที่มีทั้งภาษาไทยและนานาชาติ ส่วนสาขาก็จะแตกต่างกันไป อาทิ การจัดการโรงแรมและรีสอร์ต, การจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร, การจัดการท่องเที่ยว, การจัดการสปาและการจัดการไมซ์ และอีเวนต์

ส่วนหลักสูตรปริญญาโท (ภาษาไทย) เรียนทางด้านการจัดการโรงแรมและภัตตาคาร นอกจากนั้น ก็ยังมีหลักสูตรปริญญาตรี (เทียบโอนประสบการณ์) และหลักสูตรระยะสั้นต่าง ๆ อีกจำนวนมาก

ที่สำคัญคือหลักสูตรนานาชาติ บริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและรีสอร์ต ที่เราร่วมมือกับสถาบันสอนการโรงแรมโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และหลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร ที่เราร่วมมือกับสถาบันสอนทำอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ จากประเทศฝรั่งเศส

- ทราบว่านักศึกษาต้องเรียนด้านการจัดการด้วย

ใช่...เพราะตอนนี้เรามีนักศึกษาประมาณ 3,000 คน ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (ภาษาไทย-นานาชาติ) ที่อยู่ในกรุงเทพฯและพัทยา เนื่องจากการเรียนทางด้านการจัดการโรงแรม ก็เหมือนกับเรียนหมอ คือจะต้องฝึกปฏิบัติด้วย ไม่ใช่รู้แต่ทฤษฎีอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ เราจึงสอนเรื่องการบริหารจัดการทางด้านต่าง ๆ สอดแทรกไปด้วย เพราะบางคนพอทำงานไปถึงจุดจุดหนึ่งอยากเปลี่ยนงานมาทางด้านบริหาร เขาจะสามารถทำได้ เพราะเราได้ปูพื้นฐานทางด้านนี้ให้เขาแล้ว เราจึงใส่เรื่องนี้เข้าไปในหลักสูตรด้วย

นอกจากนั้น เรายังไปให้คำแนะนำกับมหา"ลัยที่ฟิลิปปินส์ เขามีนักศึกษาเยอะมาก เฉพาะด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวตั้ง 16,000 คน และตอนนี้กำลังทำหลักสูตรอีกอันหนึ่งให้กับบางประเทศในอาเซียน ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผย โดยเราไปทำหลักสูตรให้เขา ฝึกอบรมอาจารย์เรื่องวิธีการเรียนการสอน ตลอดจนการควบคุมคุณภาพ เพราะในระบบการเรียนการสอนด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว นอกจากหลักสูตรจะต้องดีแล้ว คุณภาพของอาจารย์ก็จะต้องดีด้วย

- แสดงว่าอาจารย์ต้องมีความสำคัญอย่างมาก

แน่นอน...อาจารย์ที่สอนวิชาเอกของเราส่วนหนึ่ง ถูกคัดเลือกจากภาคอุตสาหกรรมการบริการต่าง ๆ เพราะเราต้องการให้นักศึกษาของเราฝึกปฏิบัติกับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ตรง โดยเฉพาะการฝึกในห้องปฏิบัติการจริง ก่อนที่จะไปฝึกงานที่โรงแรมจริง โดยส่วนนี้ เราเรียกว่าเป็นส่วนสร้างคนให้เป็นคน เพราะว่าเขาจะต้องรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักการเป็นผู้นำ และรู้จักการเป็นผู้ตามไปพร้อม ๆ กันด้วย

- จุดแข็งของวิทยาลัยดุสิตธานีอยู่ตรงไหน

เนื่องจากเราเป็นหน่วยงานหนึ่งของโรงแรมดุสิตธานี ตรงนี้เป็นจุดที่แข็งแรงมาก เพราะว่า Corporate University เราจะรู้ว่าโรงแรมมีความต้องการอะไร และภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเขาต้องการอะไร เพราะฉะนั้น เวลาเราผลิตคนออกมาจะตรงกับความต้องการของตลาด ตรงนี้คือจุดแข็ง

- ปัจจุบันมีอาจารย์และบุคลากรทั้งหมดกี่คน

อาจารย์ 150 คน ทั้งชาวไทย และต่างชาติที่มาจากฝรั่งเศส, อังกฤษ,ญี่ปุ่น และอื่น ๆขณะที่บุคลากรก็มีประมาณ 150 คน ส่วนนักศึกษาเราก็มีหลายเชื้อชาติมาก

- ไม่ทราบว่าค่าเทอมแต่ละหลักสูตรเป็นอย่างไร

ถ้าเป็นนานาชาติที่ Certified จากสถาบันสอนการโรงแรมโลซาน เทอมหนึ่งตกประมาณ 150,000 บาท และถ้าเป็นสถาบันสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ก็ตกประมาณ 1 แสนกว่าบาทเช่นกัน โดยเรียนทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ และในปีที่ 4 จะมีปฏิบัติฝึกงานภาคสนาม 2 ครั้งที่ต่างประเทศ

- นักศึกษาจากที่นี่อยู่ในตลาดแรงงานแต่ละรุ่นเยอะไหม

เท่าที่ทราบจากเอเยนซี่ในธุรกิจอุตสาหกรรมบริการรับจากเราปีปีหนึ่งเป็น 100 คนขึ้นไปนะ แต่ที่ไปเองโดยไม่ผ่านเอเยนซี่ก็มีอยู่เยอะ หรือทำงานในประเทศไทยเองก็เยอะอยู่พอสมควร ทั้งยังมีอีกบางส่วนที่กระจายไปทำงานในต่างประเทศบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าอัตราการกระจายนักศึกษาของเราไปสู่ตลาดแรงงานเยอะไหม คงต้องตอบว่า จาก Ranking เมื่อ 3 ปีก่อน ในฐานะวิทยาลัยดุสิตธานีที่เป็นวิทยาลัยเอกชนด้วยกัน เราเป็นสถาบันอันดับหนึ่งที่นักศึกษาจบแล้วมีงานทำสูงสุด คือประมาณ 90%

พอปี 2555 มีงานทำ 100% นอกนั้นก็มีไปเรียนต่อ แต่ถ้าพูดโดยรวม นักศึกษาของเรามีงานทำทุกคน

แต่ถ้าเป็น Ranking ระดับอุดมศึกษาในมหา"ลัยของรัฐ เราอยู่ในอันดับ 6 ที่มีงานทำสูงสุด ก็รู้สึกภูมิใจนะ เพราะเราเน้นคุณภาพ และอีกอย่างเราพยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละประเทศมาให้นักศึกษาของเราตลอด อาทิ WilliamAngliss Institute, Melbourne, Australia, University College Birmingham, England, The Hong Kong Polytechnic University, Hong Kong, ASO College Group, Japan, Tsuji Culinary Institute, Japan และอื่น ๆ

โดยเฉพาะสถาบันสอนทำอาหาร Tsuji จากประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นสถาบันสอนทำอาหารอันดับหนึ่งทางด้านการประกอบอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ที่ไม่เพียงจะให้นักศึกษาของเรามีโอกาสเรียนรู้จากของจริง เรายังเปิดบริการให้ผู้สนใจเข้าอบรมในระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2557 ด้วย

- ถึงตอนนี้ตั้งเป้าหมายให้วิทยาลัยดุสิตธานีเป็นอย่างไรต่อไป

คิดว่าในปี 2020 เราต้องการให้วิทยาลัยดุสิตธานีถูก Recognize ให้เป็นสถาบันการศึกษาทางด้านการบริหารจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ของเอเชีย เพราะเราคิดว่าหลักสูตรเรามีคุณภาพ และนักศึกษาเราก็มีคุณภาพ


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook