เจมส์-จิรายุ กับวีรกรรมแสบๆ - จีบสาว
ไม่ค่อยจีบใคร แต่ถ้าจะจีบสาวจีบแบบเจมส์จะเป็นยังไงคะ
"เมื่อก่อนก็แย็บๆ เข้าไปทางเพื่อน ตีซี้กับเพื่อนก่อน แต่ส่วนมากไม่ได้หรอกนะ (มีสเป็กสาวมั้ยคะ) สเป็กตอนนี้ไม่มีเลย อยู่ที่คุยกันมากกว่า อาจจะชอบคนที่ค่อนข้างจะผู้ใหญ่หน่อย คุยกันรู้เรื่อง ชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องหน้าตา ไม่จำเป็นต้องมีความชอบเหมือนกันก็ได้ ยิ่งแตก-ต่างกันยิ่งดี ทำให้ได้เรียนรู้กันและกัน"
ชีวิตวัยรุ่นฟังดูสนุกสนาน แล้วตอนนั้นเคยมีบ้างมั้ยที่คิดอยากเข้าวงการบันเทิง
"ผมอยู่ต่างจังหวัด พิจิตรเป็นจังหวัดเล็กๆ ดาราไม่ค่อยไปอยู่แล้ว เรื่องดารานี่ดูห่างไกลมาก ดาราส่วนใหญ่เวลาเค้าไปโชว์ตัวเค้าก็ไปจังหวัดอื่น ไปโชว์ตัวกันทีเหมือนเป็นเทพบุตรนางฟ้า ดารา ที่เคยมาพิจิตรที่จำได้ก็พี่โตโน่ ตอนนั้นผมอยู่ม.5 ยังไปยืนดูพี่เค้าเลย ก็ไม่ได้คิดเรื่องเป็นดาราเลยนะ มีดูหนังบ้างแต่ก็ไม่มาก ผมชอบดูหนังแนวแอ็กชั่น อย่าง "Iron Man" หนังเรื่องโปรด "Catch Me If You Can" เป็นหนังเกี่ยวกับการปลอมตัว ดูหนังแล้วร้องไห้ก็มีนะ แต่ร้องไห้ตอนโตๆ นี่แหละ เพราะตอนเด็กผมมีความเชื่อมาตลอดว่าผู้ชายที่ร้องไห้จะดูอ่อนแอไม่เข้มแข็ง ผมก็เลยไม่ร้องไห้ หนังที่ทำให้ผมร้องไห้เป็นหนังเกาหลีครับ เรื่อง "The Classic คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต" จำได้ว่าเศร้าและประทับใจมาก"
ตอนที่ได้รับการติดต่อจาก พี่ปิ๊ก (ผจก. ส่วนตัว) ให้มาเป็นดารา ตอนนั้นคิดยังไงคะ
"ตอนที่ผมได้รับการติดต่อให้เข้า วงการ ถามว่าลังเลมั้ย ไม่ได้ลังเลครับ เพราะยังไงก็ต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ถ้าจะได้เข้ามาทำอย่างอื่นด้วยก็ดีเหมือนกัน"
พอละครเรื่องแรกในชีวิตออกไป มีคาดหวังไว้มั้ยว่าจะได้ผลตอบรับยังไง
"ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยครับ ไม่กล้าคาดหวัง เพราะเราเองก็เป็นเด็กใหม่ อายุก็ยังน้อยด้วย แล้วต้องมาเจอนักแสดงที่มีประสบการณ์กันหมดแล้ว ตอนนั้นคิดว่าแค่ขอไม่ให้โดนด่ามากก็พอแล้ว แต่พอเสียงตอบรับจากละคร "คุณชายพุฒิภัทร" ออกมาดี-เรียกว่าดีเกินคาดเลยมากกว่า มีคนดูเยอะ กระแสก็ดี (เจมส์มีอะไรเหมือนคุณชายหมอมั้ยคะ) น่าจะเหมือนในเรื่องความคิดและเหตุผลที่เกิดขึ้น บางทีผมก็ไปก๊อบปี้คุณชายเค้ามาเหมือนกัน (ยิ้ม) เล่นไปเรื่อยๆมันก็ติดเนอะ ใช้วิธีคิดแบบคุณชาย การไหว้ วิธีพูดแบบคุณชายบ้าง"
แล้วอย่างนี้จะรับมือกับ ความดังขนาดนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย
"ไม่ได้เตรียมรับมืออะไร ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดังมากมาย ผมก็ทำงานอยู่อย่างนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องกระแสอะไรข้างนอก ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องทำตัวอะไรเป็นพิเศษ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเกิดจากหลายๆ คนไม่ใช่ผมคนเดียว เกิดจากผู้ใหญ่ที่ช่องรวมไปถึงผู้จัด ภาพที่แฟนละครเห็นกันตามหน้าจอทีวีเป็นภาพที่สำเร็จออกมาแล้ว แต่งานเบื้องหลังมีมากกว่านั้น ต้องมีการตัดต่อ ต้องมีทีมงานที่ดี ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่เคี่ยวเข็ญทำให้ตัวละครออกมาดูดี ขอบคุณป้าแจ๋ว พี่แหม่ม-ฐิติมาและพี่ๆ ในกองถ่ายที่คอยสอนคอยแนะนำ"
6-6
พอดังแล้วเลยมีข่าวต่างๆ ออกมามากมาย ซีเรียสกับข่าวมั้ยคะ
"ความจริงก็คือความจริงครับ อย่างข่าวกับผู้หญิงที่มีภาพออกมา มันเป็น เรื่องของอดีตไปหมดแล้ว ผมก็เด็กต่างจังหวัดคนนึงเนอะ อาจจะมีปิ๊งปั๊งสาวบ้าง แต่ตอนนั้นเด็กมาก ไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร พอมาวันนี้ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน เวลานอนยังไม่ค่อยจะมีเลยครับ ไม่ได้คุยกับใครเลย ยิ่งมาทำงานแบบนี้ มือถือยังไม่ได้จับเลย เป็นคนซีเรียสแต่ไม่ถึงขนาดเก็บมาคิดจนทำอะไรไม่ได้ เชื่ออย่างหนึ่งว่าการทำงานโดยมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องจะไม่เวิร์ก"
แล้วเรื่องเรียนล่ะคะ วางแผนไว้ยังไงบ้าง
"ตอนนี้ผมเรียนม.รังสิต ปีหนึ่งคณะบริหารธุรกิจ เรียนการจัดการธุรกิจค้าปลีก ผมมีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจ เพราะได้อ่านหนังสือ ‘พ่อรวยสอนลูกรวย' เลยเลือกที่จะเรียนคณะนี้ และยังมีความคิดจะไม่ให้พ่อแม่ทำงานแล้ว คุณพ่ออายุมากแล้วไม่อยากให้ขับรถมาก เพราะพ่อต้องมารับของที่กรุงเทพฯ อยากให้ได้พัก อนาคตผมอาจจะมีธุรกิจ แต่ยังไม่รู้จะทำอะไร เรื่องเรียนอยากเรียนให้ทันเพื่อน ปีที่แล้วผมจัดเวลาไม่ลงตัวทำให้ต้องดร็อปเรียนไป ปีนี้เลยยังไม่อยากทำอะไรมาก ก็จะรับงานน้อยลงแล้วแบ่งเวลาเรียน อยากเรียนให้จบไวๆ"
สุดท้ายนี้อยากฟังหลักในการทำงานของเด็กอายุ 19 อย่างเจมส์
"สิ่งที่แม่บอกมาก็คือเข้าวงการอย่าหลงตัวเอง แต่สิ่งที่ผมยึดในการทำงาน ผมจะคิดเสมอว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ต้องทำให้ดี เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก การดำเนินชีวิตก็คงไม่ได้ไปกำหนดมาก ทำงานตามปกติ ฟังคำสอนของผู้ใหญ่ แล้วมาคิดพิจารณาดูว่าเป็นยังไง น้อมรับคำที่คนพูดทุกๆ อย่าง"รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้ดีๆ ทั้งหล่อทั้งมีความคิดดีๆ แบบนี้ จะได้ดังนานๆ ไม่ใช่แค่ฟ้าแลบนะจ๊ะ