คุยหนุ่มฮอต ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ "ตัวตน" กับ "ความฝัน" ที่เปลี่ยนไป

คุยหนุ่มฮอต ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ "ตัวตน" กับ "ความฝัน" ที่เปลี่ยนไป

คุยหนุ่มฮอต ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ "ตัวตน" กับ "ความฝัน" ที่เปลี่ยนไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เป็นกระแสโด่งดังชั่วข้ามคืนในโลกออนไลน์ว่าเป็นคนหนุ่มที่ "หล่อ รวย เก่ง" ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ ในวัย 21 ปี หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนุ่มคนนี้ยิ่งโตยิ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายน้ามาร์ค แต่หากมองลึกเข้าไปในตัวตน เขาเป็นคนหนุ่มที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงทีเดียว


ไอติมเป็นคนหัวดี เขาสามารถสอบชิงทุนการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมชื่อดังของอังกฤษ "อีตัน คอลเลจ" จากนั้นสอบเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ที่ภาควิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 แล้ว


นอกจากเก่งเรียนแล้วไอติมยังเก่งกิจกรรม เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในสมาคมโต้วาทีแห่งเมืองออกซฟอร์ด ตั้งแต่เทอมแรกของชีวิตนักศึกษา ด้วยตำแหน่งแรกเป็นเลขานุการคณะกรรมการ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง พอครบวาระ 1 เทอม เขาสมัครเลือกตั้งต่อได้เป็นคณะกรรมการประจำ หมดวาระอีกเทอมก็สมัครเลือกตั้งได้เป็นเหรัญญิก จนสมัครเลือกตั้งได้เป็นประธานสมาคมโต้วาทีแห่งเมืองออกซฟอร์ด ดำรงตำแหน่งระหว่างเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม ค.ศ.2013

ในเวลา 2 ปีกว่า ไอติมสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของสมาคมได้ เขายอมรับว่า "เป็นอะไรที่เหนื่อยพอสมควร" แต่ก็นำมาซึ่งความภูมิใจของชีวิตเด็กไทยในต่างแดน

ในวันแสงแดดอ่อนๆ หนุ่มหล่อที่กำลังเนื้อหอมในหมู่สาวไทยอยู่ตอนนี้ มีนัดคุยกับเราแบบสบายๆ ที่ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในห้างดัง เขากลับมาอยู่เมืองไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะมีข่าวของเขาโด่งดังในโลกออนไลน์เสียอีก

"ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและชื่นชมในโลกออนไลน์ ไม่คิดว่าคนจะสนใจผมขนาดนั้น" หนุ่มหน้าใสกล่าวอย่างถ่อมตัว ก่อนเริ่มบทสนทนาถึงสมาคมโต้วาทีฯ

"ออกซฟอร์ดยูเนี่ยนก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1823 จากสมาคมโต้วาทีเล็กๆ ที่ยึดมั่นในหลักการเสรีภาพทางการพูด วันนี้พัฒนาเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และสำคัญกับชีวิตนักศึกษาที่นั่น จนมีเป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่ เป็นเวทีที่เปิดให้นักศึกษามาแบ่งปันความคิดและโต้วาทีกับวิทยากรที่เชิญมา ซึ่งวิทยากรที่เราเชิญเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำโลกคนที่ประสบความสำเร็จในทุกสาขาวิชา อาทิ ริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา, เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ไมเคิล แจ็คสัน รวมทั้ง องค์ดาไลลามะ"

กับ ฮามิด คาร์ไซ

"ทั้งหมดนี้เพราะออกซฟอร์ดยูเนี่ยนยึดมั่นความเท่าเทียมกัน ฉะนั้นทุกความเห็นไม่ว่าจะของนักศึกษาคนหนึ่งหรือประธานาธิบดีที่มาเป็นวิทยากร ทุกความคิดเท่าเทียมกัน อย่างผมเคยโต้วาทีเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีเอกอัครราชทูตจีน นักข่าว นักการเมืองอังกฤษ ก็ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ดีมากๆ"

สมาคมนี้ ดังมากที่อังกฤษ เพราะเป็นหนึ่งในองค์กรไม่กี่แห่งในโลกที่บริหารโดยเด็กอายุ 20 ปี โดยเด็กเหล่านี้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือประธานนักศึกษาเข้ามาก้าวก่ายเหมือนองค์กรนักศึกษาอื่นๆ

"งานประธาน เป็นการเตรียมตัวจัดกิจกรรมโต้วาที ด้วยการทาบทามวิทยากรมาพูด คิดหัวข้อการพูดคุย และจัดกิจกรรม การสัมภาษณ์ของเราเป็นแบบเชิงลึก ตรงไปตรงมา อย่างผมเคยสัมภาษณ์ นายฮามิด คาร์ไซ ประธานาธิบดีของอัฟกานิสถาน ถามเขาตรงๆ ว่าประเทศอัฟกานิสถานถูกมองว่ามีคอร์รัปชั่นสูงมาก ตรงนี้คุณมีความรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องนี้ ถือเป็นคำถามที่แรง แต่เป็นเป้าหมายของเรา"

นอกจากนี้ เขายังต้องดูแลเรื่องการบริหารองค์กร จัดกิจกรรมหารายได้เพื่อรักษาองค์กรไว้ให้ได้

"ผมภูมิใจกับการได้รับตำแหน่งนี้" เขาว่า

"การชนะเลือกตั้งเป็นผลที่เกิดจากการทำงานหนักมาก เมื่อได้เข้ามาทำงานผมก็ได้ประสบการณ์ที่เด็กอายุ 20 ปีคนอื่นยากที่จะหาได้ เพราะผมได้เข้ามาบริหารองค์กรที่มีอายุยาวนานกว่า 200 ปี ได้คุยเชิงลึกกับผู้นำและคนดังระดับโลก และสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดคือการที่เป็นคนไทยและคนอาเซียนคนแรกที่ยืนในตำแหน่งนี้ เพราะส่วนมากจะเป็นคนอังกฤษที่เป็นประธานสมาคม ฉะนั้น การมาตรงนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าคนต่างชาติ คนเอเชียก็สามารถสู้กับคนอังกฤษได้เหมือนกัน และอยากให้เป็นการจุดประกายกับคนในรุ่นต่อๆ ไป"

ธรรมเนียมการเป็นประธานสมาคม ผู้ได้รับตำแหน่งต้องหยุดเรียน 1 ปีการศึกษา เพื่อมาทำงานด้านนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนจะกลับไปเรียนอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ และจบการศึกษาในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2015 ตอนนี้ไอติมกำลังหาประสบการณ์ด้วยการทำงานพาร์ททาม เป็นอาจารย์ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง จากนั้นในเดือนมิถุนายนนี้จะไปฝึกงานกับบริษัทแมคแคนซี ธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจที่ประเทศอังกฤษ

เคล็ดลับคนเรียนเก่ง?

"เป็นคนช่างสงสัย และมุ่งมุ่นที่จะแสวงหาความรู้ ทั้งในในอินเตอร์เน็ต หนังสือ หรือถามรุ่นพี่ เป็นคนไม่อ่านหนังสือเยอะ เพราะหนังสือที่เลือกอ่านต้องมีสาระประโยชน์ต่อชีวิต"

โต้วาทีเก่ง?

"ในส่วนของภาษาไทยยังต้องฝึกอยู่ แต่ภาษาอังกฤษผมเรียนมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ยิ่งมาได้อยู่ในชมรมโต้วาทียิ่งทำให้ได้ฝึกฝนมาตลอด แต่การเป็นประธานชมรมฯ ไม่ใช่ว่าผมโต้วาทีเก่งที่สุด เพราะคณะกรรมการ ประธานจะใช้เวลาในการบริหารอย่างเดียว และคัดเลือกสมาชิกไปโต้วาที หรือคนเก่งโต้วาทีก็ไม่ใช่ว่าจะได้เป็นผู้บริหาร"

ใกล้สำเร็จการศึกษาเต็มทีวางเป้าหมายชีวิตอย่างไร?

"ผมชอบตั้งเป้าหมายชีวิตระยะสั้น แต่วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน อย่างตอนนี้ที่กำลังเข้าปีสุดท้ายของการเรียนในมหาวิทยาลัย จึงตั้งเป้าทำคะแนนสอบให้สูงเพื่อจบเกรดดีๆ แต่หลังจากนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะไปประกอบอาชีพอะไร แต่ที่ตั้งใจระยะยาวในอนาคตคือ ผมอยากนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนกลับมารับใช้ประเทศชาติ มาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในทางใดทางหนึ่ง"

แล้วที่เคยสนใจจะลงเล่นการเมือง?

"ตอนอายุ 18 ปี มีสิทธิเลือกตั้ง ทำให้ผมสนใจเรื่องการเมือง จนคิดว่านักการเมืองอาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่หลายคนที่เห็นอาจคิดไปไกลว่า ผมจะลงเล่นการเมืองแน่นอนและเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนตั้งเป้าหมายระยะสั้น ฉะนั้น แม้วันนี้ผมยังสนใจการเมือง แต่ก็ยังไม่แน่นอนว่าผมจะตัดสินใจเล่นการเมือง และการโตขึ้นทำให้ผมมองว่าการทำประโยชน์ให้ประเทศ ยังมีอีกหลายรูปแบบมากกว่าการเล่นการเมือง จึงอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้แต่ละอาชีพก่อน"

เรียนและใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมาตลอด แต่ไอติมก็ติดตามข่าวสารการเมืองไทย แม้ไม่อยากแสดงความคิดเห็น แต่เขาก็อยากเห็นประเทศไทยแบบนี้

"ผมอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ แม้ประชาชนจะมีสิทธิเมื่อไม่พอใจรัฐบาล แต่ผมอยากให้แสดงความไม่พอใจนั้นผ่านการเลือกตั้งมากกว่า ไม่อยากให้รู้สึกว่ารัฐบาลเอาเปรียบหรือแย่จนต้องออกมาแสดงความไม่พอใจจนหยุดทำงานมาประท้วงริมถนน สิ่งที่ผมอยากเห็นอาจต้องใช้เวลานาน แต่ก็อยากให้เกิดขึ้น"

เจอน้ามาร์คบ่อยไหม?

"เราเจอกันไม่ค่อยบ่อย คุณน้าคงยุ่งมากกว่าผมยุ่ง แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผมไม่สบายใจเรื่องหนึ่งคือ หลายคนชอบเอาตระกูลมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการที่ผมเป็นหลานอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบางคนบอกตระกูลดี บางคนบอกไม่ดี แต่ผมคิดว่าความดีของคนไม่ควรตัดสินที่ตระกูล แต่ควรดูที่การกระทำมากกว่า"

ชอบดูบอลอังกฤษไหม?

"ผมชอบฟุตบอลทั้งดูและเตะ อย่างช่วงนี้รู้สึกเครียดกับชีวิตมาก พรีเมียร์ลีกส์ทำหัวใจผมแทบวาย ผมเชียร์ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ผมเกิดมาลิเวอร์พูลไม่เคยเป็นแชมป์เลย ฤดูกาลนี้ผมติดตามทุกแมตซ์และเป็นโอกาสดีที่กำลังจะคว้าแชมป์" ไอติมคุยอย่างออกรส

"แต่ช่วงเรียนที่อังกฤษกลับไปดูฟุตบอลของทีมเชลซีบ่อย เพราะใกล้มหาวิทยาลัยและตามเพื่อนสนิทไป แต่เวลาไปเชียร์ก็เงียบๆ ไว้ ไม่กล้าไปเชียร์มาก" (หัวเราะอย่างอารมณ์ดี)

มาถึงคำถามสุดท้ายที่ใครๆ ก็อยากรู้ว่า มีคนรู้ใจหรือยัง?

"ไม่ขอตอบดีกว่า ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัว" (ยิ้ม)


ที่มา นสพ.มติชนรายวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook