"ดร.เทอรี่ กรอสแมน" แนะวิธีบริหารสมองไม่เสื่อม

"ดร.เทอรี่ กรอสแมน" แนะวิธีบริหารสมองไม่เสื่อม

"ดร.เทอรี่ กรอสแมน" แนะวิธีบริหารสมองไม่เสื่อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"หากคุณอยากบริหารสมองและฝึกความจำละก็ ลุกขึ้นมาเต้นรำกันเถอะ"

ข้อความข้างต้นเป็นหนึ่งในคำแนะนำจาก "ดร.เทอรี่ กรอสแมน" ผู้อำนวยการด้านการแพทย์นานาชาติ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล

ดร.เทอรี่ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเต้นรำไม่ว่าจะจังหวะอะไร สไตล์ไหน ทั้งวอลซ์ แทงโก้ รุมบ้า หรือซัลซ่า เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายสมองและเพิ่มความสามารถของสมอง เพราะต้องทำความเข้าใจกับท่าใหม่ ฟังเพลง ตัดสินใจ ตลอดจนจดจ่อกับจังหวะและท่าเต้น

นอกจากการเต้นรำแล้ว ดร.เทอรี่แนะนำเพิ่มเติมว่า การเรียนภาษาใหม่เพิ่มก็เป็นวิธีที่ดีอีก วิธีหนึ่งในการออกกำลังกายสมองเหมือนกัน โดยการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการทำงานหรือแม้แต่งานอดิเรก เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย เล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ เล่นวิดีโอเกม เล่นดนตรี เป็นต้น

การลดความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการรักษาความจำ ซึ่ง ดร.เทอรี่มองว่า คนส่วนใหญ่สูญเสียความทรงจำ เพราะความเครียดมากกว่าโรคภัยหรือการเจ็บป่วยเสียอีก

"ความเครียดเป็นตัวทำลายความจำอันดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกต คือมีทั้งความเครียดที่ดีและไม่ดี ทุกคนควรรักษาความสมดุลของความเครียดทั้งสองส่วน"

กิจกรรมเพื่อลดความเครียดแบบง่าย ๆ ได้แก่ การเล่นโยคะ การนวด การออกกำลังกาย การรำไท้เก๊ก ฟังเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน เมื่อคนเราอ่อนล้าหรือเหนื่อยมาก ๆ ร่างกายจะเกิดความเครียดและความดันเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น

การออกกำลังกายสมองตลอดช่วงชีวิตจะช่วยป้องกันการสูญเสียความจำ โรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมชนิดต่าง ๆ ในเวลาต่อมาได้

ดร.เทอรี่กล่าวว่า การฟังเพลงเบา ๆ อาบน้ำอุ่น ๆ เป็นวิธีเตรียมตัวสำหรับการนอนหลับที่ดี สิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งก่อน

เข้านอน คือการมองที่หน้าจอสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้จะรบกวนการนอนหลับ เพราะมนุษย์ไม่คุ้นเคยกับแสงสีนี้ในเวลากลางคืน

สิ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสุขภาพสมองได้ คืออาหารที่มีคุณค่าและสมดุลทางโภชนาการ กล่าวคือ ควรรับประทานอาหารจำพวกปลา ผักและผลไม้สด หรือการดื่มไวน์ 1 แก้วต่อวัน ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากธรรมชาติอย่างแปะก๊วยหรือวิโนซีติน ก็สามารถช่วยบำรุงสมองได้เช่นกัน

ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัดและอาหารทอด เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือที่เรียกว่า "โรคเบาหวานของสมอง"

"ในอนาคต การใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเลตที่แพร่หลาย จะเปลี่ยนวิธีการใช้สมองของเรา เทคโนโลยีจะมีอิทธิพลต่อวิธีการใช้สมองของเรา และอาจช่วยให้เราสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น การวิจัยและพัฒนาสมองอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต จะทำให้การรักษาสมองจากโรคภัยและความเจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงไป"

เพื่อเป็นการระแวดระวังไม่ให้โรคนี้เกิดขึ้นกับคนรอบข้างในระยะที่เกินเยียวยา ดร.เทอรี่แนะนำว่า หมั่นสังเกต

เห็นคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นญาติ คู่รัก หรือเพื่อน หากไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวัน อย่างการขับรถ แต่งตัว ทำอาหาร หรือกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ได้ ควรทำแบบประเมินกิจวัตรประจำวัน เพื่อดูว่าต้องรับการรักษาหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook