ความเปราะบางของสังคมไทย และอนาคตของชาติ
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ธงชัย สมบูรณ์
คนไทยและชาวต่างชาติส่วนใหญ่ต่าง มองภาพของสังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ เพราะตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ความอบอุ่น ความสมานฉันท์ ตลอดจนความโอบอ้อมอารีที่มีให้กัน ทำให้ผู้มาเยือนที่ได้สัมผัสต่างเห็นภาพที่งดงามและตราตรึงในความทรงจำ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความผาสุกของผู้คนชาวไทยทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ด้วยสภาพภูมิอากาศและความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมและอารยวิถีของบรรพบุรุษที่ได้สั่งสมมา ต่างคือความภาคภูมิใจของชาวไทยทั้งผอง
แต่เมื่อไม่นานมานี้ หลายคนเริ่มเกิดข้อสงสัยกับปรากฏการณ์ด้านต่าง ๆ ว่า เหตุไฉนสังคมไทยจึงเปราะบางลงทุกวัน สิ่งนี้จะมีทางเยียวยารักษาให้กลับมาดังเดิม สมกับสโลแกนของแผ่นดินที่ว่า "สยามประเทศอาณาเขตแห่งรอยยิ้มและมิตรภาพ"
ความเปราะบางของสังคมไทย นั้น โดยธรรมชาติแล้วทุกสังคมมีโครงสร้าง รูปแบบ แบบแผน และสมาชิกที่แตกต่างกัน และสังคมย่อมพยายามหาวิธีการในการสร้างความแข็งแกร่ง ผนวกรวมความผาสุกให้กับสมาชิกทุกกลุ่มชนในสังคมของตนเท่าที่จะทำได้ ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล ทั้งระดับนโยบายและระดับการปฏิบัติ
สังคมไทยก็เฉกเช่นสังคมอื่นที่พยายามดำเนินการสิ่งนี้อยู่ แต่ยังมีภาพฉายบางอย่างที่มองว่า สังคมไทยยังมีความเปราะบาง ดังนี้
1.ความเปราะบางทางด้านการเมือง ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าทำไมคนไทยยุคปัจจุบันไม่ค่อยเข้าใจระบบการเมือง ของตัวเองเท่าที่ควร ในขณะช่องทางของสื่อมีมากพอสมควร รวมทั้งรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต่างพยายามพัฒนาฐานคติทางด้านการเมือง การปกครองให้ผู้คนเข้าใจมากขึ้น แต่ยังมีคนบางกลุ่มไม่ "กระจ่าง" หรือ "เข้าถึง" แก่นแกนของวัฒนวิถีแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและสิทธิของความเป็น มนุษย์ที่อยู่รวมกันอย่างแจ่มแจ้ง หลายคนไม่เข้าใจในความหมาย อะไรคือรักชาติ (Chauvinist) อะไรคือชาตินิยม (Nationalism) และอะไรคือหลงชาติ (Patriot) เพราะถ้าศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว "สิทธิ" กับ "สิทธิอำนาจ" มีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง
2.ความเปราะบางทางด้านสังคม ด้วยการไหลบ่าของสังคมต่างชาติ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "เสพ" วัฒนธรรมหลายหลากมากขึ้นตามลำดับ บางครั้งหลงลืมไออุ่นของวัฒนธรรมและอารยวิถีของตัวเองไป สังคมไทยมีความเปราะบางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางด้านความโอบอ้อมอารี เอื้ออาทร สังคมไทยดูมีความรุนแรงเชิงโครงสร้างมากขึ้น ยึดติดกับค่านิยม ความอยากมีอยากเป็นมากขึ้น รวมทั้งหันมาสถาปนาความศักดิ์สิทธิ์วัตถุนิยม นอกจากนี้ ความเปราะบางทางด้านสังคมที่เห็นได้ชัดเจนอีกประการหนึ่ง คือสภาพสังคมที่เป็นเมืองกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้วัฒนวิถีชีวิตของคนชนบทมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
3.ความเปราะบาง ทางด้านเศรษฐกิจ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดการอดออม อาจจะเป็นเพราะผืนแผ่นดินไทยมีความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีการใช้จ่ายแบบโลดโผน ขาดการประหยัด ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม โดยความเชื่อส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าหลายคนเป็นห่วงอนาคตของชาติว่าจะเป็นอย่างไร และไม่มีใครอยากเห็นชาติล่มสลายเหมือนตัวอย่างชาติอื่น ๆ ที่ประสบมา
ดังนั้น อนาคตของชาติจะสว่างไสวอีกครั้งได้หรือไม่ ขอชี้แนะดังนี้ 1.ต้องรักษาสมบัติของชาติไว้ ในที่นี้คือ ภาษาไทย ถึงแม้จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หากคนไทยพูดภาษาแม่ได้ไม่ดี ก็ไม่มีทางที่จะพูดภาษาอื่นได้ดี 2.ต้องอยู่อย่างพอเพียง ใช้จ่ายอย่างประหยัดอดออม และแบ่งปัน "สิ่งที่มี" ให้กับคนที่ด้อยกว่า 3.การศึกษา เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นตัวชี้นำอนาคตของชาติ และสามารถจรรโลงชาติอยู่ได้
การศึกษาจะต้องจัดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง ไม่พยายาม "ยัดเยียด" ความรู้ต่าง ๆ ให้ผู้เรียนมากเกินความจำเป็น และสถาบันการศึกษาต้องมี ความพร้อม ในการสอนในระดับสูง
และเหนืออื่นใด คนไทยทุกกลุ่มต้อง "เข้าใจ" และ "เข้าถึง" ความเป็นชาติ มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเหมือนเดิม ในระดับสูงก็ต้องหยุดใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนระดับประชาชนทั่วไปต้องหันมา "ใส่ใจ" กับบทบาทหน้าที่ของตัวเอง รู้จักหน้าที่ของตัวเอง หากสามารถทำได้และช่วยกันทำ ความเปราะบางของชาติคงลดน้อยถอยลง และนำไปสู่แนวทางที่จะสร้างความร่มเย็นสถาพรอีกครั้ง