เปิดศึก "ของเล่น" ในดวงใจ "เลโก้" เฉือนคมโค่นบัลลังก์ "บาร์บี้"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
หาก "โอเล เคิร์ก คริสเตียนเสน" ผู้คิดค้นตัวต่อเลโก้ยังมีชีวิตอยู่ คงยิ้มจนแก้มปริเมื่อได้รู้ว่าบริษัทที่ตนก่อตั้งเมื่อ 82 ปีก่อน สามารถทำยอดรายได้เพิ่ม 3 เท่าในรอบ 6 ปี จนก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ที่สุดในโลกได้ ท่ามกลางยุคขาลงที่เด็ก ๆ ต่างหันไปหาของเล่นอิเล็กทรอนิกส์และเกมคอมพิวเตอร์เช่นนี้
เลโก้ กรุ๊ป ผู้ผลิตของเล่นตัวต่อพลาสติก "เลโก้" เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทครองตำแหน่งผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าแชมป์เก่าบริษัทแมทเทลผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยยอดขายช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ที่เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 คิดเป็นมูลค่า 2.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉือนชนะแมทเทลไป 0.03 พันล้าน
ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% เป็น 472.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จอห์น กู๊ดวิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเลโก้ กรุ๊ปกล่าวว่า การเติบโตนี้เป็นผลมาจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "เดอะ เลโก้ มูฟวี่" ที่ลงโรงฉายทั่วโลกไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกันกับการวางตลาดตัวต่อเลโก้ชุดเดียวกับที่ปรากฏในภาพยนตร์ รวมไปถึงการคิดค้นพัฒนา เปิดตัวและจัดจำหน่ายสินค้าที่เข้มแข็ง ที่ช่วยนำสินค้าไปสู่มือเด็ก ๆ ทั่วโลก
โดยภาพยนตร์ "เดอะ เลโก้ มูฟวี่" สามารถทำรายได้ในสัปดาห์เปิดตัวที่อเมริกาไปกว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 468 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฉายทั่วโลก
"บริษัทภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เลโก้ชุดคลาสสิกอย่าง LEGO City, LEGO Creator, LEGO Technic และ LEGO Star Wars ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจนมียอดขายเติบโตขึ้นทั่วโลก"ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตเป็นตัวเลขถึง 2 หลัก ใน 3 ตลาด คือ ยุโรป อเมริกาและเอเชีย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ ว่า ตลาดของเล่นทั่วโลกทำตัวเลขได้ไม่ดีนักในช่วงต้นปี 2557
อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้จะสามารถดำเนินต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับยอดขายดีวีดี "เดอะ เลโก้ มูฟวี่" ในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะสามารถคงอัตรายอดขายปัจจุบันเอาไว้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ บริษัทยังคงเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการอนุมัติสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยจีนเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดในตลาดเอเชีย ด้วยอัตราเติบโตของยอดขายถึง 50% และการขยายโรงงานในเมืองมอนเตร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก เพื่อรองรับตลาดสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนมิถุนายน"จอห์น กู๊ดวิน" ยังฉายภาพอนาคตของเลโก้ว่า บริษัทจะไม่จำกัดตัวเองอยู่กับการผลิตของเล่นตัวต่อเท่านั้น แต่จะค้นหาแนวทางใหม่ ๆ ที่จะเข้าถึงเด็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อปี 2556 บริษัทได้เปิดตัวเลโก้ชุด Legends of Chima ซึ่งนอกจากจะมีตัวต่อพลาสติกแล้ว ยังมีเกมออนไลน์ ซีรีส์ทางโทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูนอีกด้วยด้านบริษัท "แมทเทล" แชมป์เก่า ทำยอดขายได้ไม่ดีนักในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความนิยมตุ๊กตาบาร์บี้ที่ลดลงจนยอดขายแพ้เลโก้ไป 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ดูเหมือนจะเห็นเค้าลางของคู่แข่งจากเดนมาร์กมาก่อนแล้ว จึงทุ่มเงินกว่า 366 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าซื้อกิจการบริษัทเมกาแบรนด์ของแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ผลิตตัวต่อพลาสติกเช่นเดียวกับเลโก้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ศึกระหว่างยักษ์ของเล่นนี้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น เพราะช่วงไฮซีซั่นสำหรับตลาดของเล่น คือ เทศกาลวันหยุดปลายปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะเป็นตัววัดว่าเลโก้จะเร่งเครื่องทิ้งห่างออกไป หรือจะเป็นแมทเทลที่สามารถพลิกกลับทวงบัลลังก์แชมป์คืนได้กันแน่