กิน "ไข่" ฟองเดียวรู้เรื่องไม่ต้องเสริมวิตามิน

กิน "ไข่" ฟองเดียวรู้เรื่องไม่ต้องเสริมวิตามิน

กิน "ไข่" ฟองเดียวรู้เรื่องไม่ต้องเสริมวิตามิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"วันไข่โลก" เอ้กบอร์ดแนะไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพและวิตามินมากมาย เตือนเลี่ยงไข่ดิบย่อยยาก ประโยชน์สูญ

คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ได้กำหนดให้วันศุกร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมเป็น "วันไข่โลก" ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 10 ต.ค. เพื่อเป็นการรณรงค์และส่งเสริมการบริโภคไข่ เพราะไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูงและราคาถูก โดยไข่ไก่เพียง 1 ฟอง สามารถให้พลังงานได้ถึง 80 กิโลแคลอรี่ และมีโปรตีนถึง 7 กรัม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน และยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุ วิตามินอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินดี วิตามินอี โฟเลต เลซิธิน ลูทีน และซีแซนทีน

ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่ดิบ เพราะอาจเสี่ยงกับการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ และไข่ขาวไม่สุกอาจไปขัดขวางการดูดซึมของไบโอติน ทำให้ย่อยยากและไม่ได้รับประโยชน์จากไข่อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ "ไข่" ยังเป็นอาหารบำรุงร่างกายสำหรับคนทุกเพศทุกวัย โดยเด็กทารกอายุ 6 เดือนเต็ม สามารถรับประทานไข่แดงต้มสุกครึ่งฟองผสมกับข้าวบด ค่อยๆ ให้ทีละน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้น ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 7 เดือนขึ้นไปจนถึงวัยเรียนควรรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง และในผู้ใหญ่สามารถรับประทานไข่สัปดาห์ละ 3 -5 ฟอง ยกเว้นคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง ควรลดปริมาณเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ฟอง หรือรับประทานแต่ไข่ขาว หรือรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับคอเลสเตอรอลสูงจนเกินไป

ด้านอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกรับประทานไข่ทุกวันโดยไม่เบื่อ ก็ควรนำไข่ทำเป็นเมนูต่างๆ และควรนำผักใส่ลงไปด้วยเพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กทานผัก ส่วนคนกลุ่มอื่นก็สามารถนำไข่มาทำเป็นเมนูต่างๆ เช่น ไข่พะโล้ ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่เจียว หรือไข่ลูกเขย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเยอะๆ ในการปรุงอาหาร

และในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องฟันไม่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ ก็ให้รับประทานไข่เพื่อทดแทนแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่ถ้าหากผู้สูงอายุมีปัญหาในเรื่องระดับไขมันในเลือดสูงก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดง

อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรกินไข่ควบคู่กับอาหารหลากหลายชนิดในแต่ละมื้อ โดยให้มีอาหารประเภท แป้ง ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งกากใยอาหารที่ได้รับจากการกินผักและผลไม้จะช่วยดูดซับไขมันบางส่วนที่อยู่ในอาหารออกจากร่างกาย ทำให้ไม่เกิดการสะสมของไขมันที่อาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook