เชฟตุ๋ย (เรนเจอร์) วิศวกร พ่อค้าบาร์บีคิว และนักเขียน

เชฟตุ๋ย (เรนเจอร์) วิศวกร พ่อค้าบาร์บีคิว และนักเขียน

เชฟตุ๋ย (เรนเจอร์) วิศวกร พ่อค้าบาร์บีคิว และนักเขียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อ โลกออนไลน์กระเถิบเข้ามาใกล้กับทุกจังหวะในการใช้ชีวิต เรื่องราวต่างๆ ของใครต่อใครจึงมีให้ผ่านแป้นคีย์บอร์ดชนิดที่เรียกได้ว่าอ่านกันไม่ทัน

แต่ในจำนวนนั้น มีเพียงไม่กี่เรื่องที่ก่อให้เกิดกระแสกระหึ่มโลกโซเชียล และส่งผลให้คนเขียนกลายเป็นที่รู้จักไปเพียงชั่วข้ามคืน

ซึ่ง หนึ่งในนั้นคือ "เชฟตุ๋ย-ธีระเดช หิตะสิริ" เจ้าของกระทู้ "เมื่อวิศวกรมนุษย์เงินเดือนเดินออกมาเป็นพ่อค้ามนุษย์เงินวัน...(เปิดทุก มุมของชีวิตที่อยากรวย)" ที่เขียนเล่าถึงชีวิตตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นพ่อค้าขายบาร์บีคิว ที่ใครๆ ก็ติดใจ จนล่าสุด "สำนักพิมพ์มติชน" ก็นำมาต่อยอดตีพิมพ์เป็นพ็อคเก็ตบุ๊ก "เชฟตุ๋ยเรนเจอร์" วางรอคนอ่านที่ติดใจในสำนวนลีลาไปซื้อหามาอ่าน

เชฟตุ๋ย วัย 34 เล่าถึงที่มาของการผันตัวเองจากพ่อครัวมาเป็นนักเขียนด้วยรอยยิ้มในงาน "คุยกับนักเขียนพันทิปมือฉมัง" ที่มีขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่มีขึ้นระหว่างนี้ถึง 26 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าเกิดจาก "ความสุขมันล้น"

ล้นจนอัดอั้นกับความสำเร็จที่ได้รับ หลังพยายามมาหลายอย่าง ก่อนค้นพบแนวทางในการเป็นเชฟ

"คือรู้แค่ในหมู่เพื่อนฝูงว่าเรามีชีวิตยังไง"

แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะยังอยากประกาศในวงกว้าง ซึ่งเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน "เลยเลือกที่จะลงพันทิป"

ซึ่ง "คนฟังเยอะดี"

ตัดสินใจแล้ว เชฟก็เขียนโดยไม่มีการวางแผนงาน ไม่มีความกังวล เขียนทุกอย่างตามสไตล์และใจคิด

แล้วผลที่เกิดขึ้นคือ "ผมโชคดีที่กระทู้ไม่เงียบเลย"

ด้วยภายใน 2 ชั่วโมงหลังการโพสต์ กระทู้ของเขาก็ติดอันดับ 1 ใน 10 กระทู้แนะนำ จากนั้นพอครบ 10 ชั่วโมงก็ไต่ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่ง

"ตอนแรกกะว่าไม่มีใครอ่านด้วยซ้ำ" เชฟว่า

ส่วนเหตุผลที่ "มี" และ "มีมาก" นั้น ถ้าให้ประเมิน เขาว่าเคล็ดลับน่าจะมาจากเรื่อง "ใจ"

"เรื่องความสุขที่ถ่ายทอดอกมา"

"เราเขียนแบบมีความสุข ถ่ายทอดแบบมีความสุข กระทำการบนพื้นฐานของความสุข คนที่อ่านก็มีความสุขตาม"

ด้านผลที่ตามมาหลังกระทู้นั้น เชฟตุ๋ยบอกว่า เห็นชัดทั้งในด้าน "ตัวเอง" และ "ยอดขาย"

"ชีวิตผมเปลี่ยน คนรู้จักผมเยอะขึ้น เพจผมมีคนกดไลค์คืนเดียวประมาณ 5-6 พันไลค์"

ส่วนร้านที่ขายดิบขายดีอยู่แล้ว ยอดก็เพิ่มขึ้นไปอีกราว 30%

เขา ยังบอกอีกว่า ถึงตอนนี้เรื่องราวที่เขาเล่าในพันทิปจะกลายเป็นหนังสือ ให้อ่านจบในเล่มเดียว แต่ "เรื่อง" ทั้งหมดยังไม่จบ เพราะชีวิตยังมีเรื่องราวให้อ่านอยู่ทุกวัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าสักวันเขาอาจจะเขียนเรื่องราวเหล่านั้นให้ได้อ่านกันอีก

เขียนด้วยความรู้สึกจากเพื่อนถึงเพื่อน

เพราะจากคนอ่าน-ที่ไม่เคยรู้จัก เมื่อมีการพูดคุยผ่านตัวอักษรสนทนาก็เกิดเป็นความสัมพันธ์

"ความรู้สึกเลยเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง ไม่ได้ห่วงถึงยอดไลค์ ยอดแชร์"

"ผมข้ามตรงนั้นมาแล้ว"


ที่มา นสพ.มติชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook