แรงบันดาลใจ สร้างการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ จากเอไอเอส สานรัก

แรงบันดาลใจ สร้างการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ จากเอไอเอส สานรัก

แรงบันดาลใจ สร้างการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ จากเอไอเอส สานรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แรงบันดาลใจ สร้างการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ จากเอไอเอส สานรัก
ปล่อยคลิปหนังสั้น สรรค์สร้างสังคม กวาดยอดวิวทะลุล้านวิวทั้ง 3 เรื่อง



บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่เคียงข้างสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายเพื่อเชื่อมต่อการสื่อสารให้แก่พี่น้องประชาชนคนไทยให้ได้ผูกพันใกล้ชิดและสื่อสารกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วในทุกที่ทุกเวลา ขณะเดียวกันก็เดินเคียงข้างสังคมไทย ด้วยความมุ่งหวังจะเห็นสังคมเติบโตอย่างมีคุณภาพ และประชาชนคนไทยมีความสุข โดยได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อดูแลและตอบแทนสังคมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด

การสนับสนุนสถาบันครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างคนที่มีคุณภาพ เอไอเอส จึงสนับสนุนให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างครอบครัวไทยให้อบอุ่นแข็งแรง

การเป็นแบบอย่างที่ดี เด็กและเยาวชนเปรียบเสมือนผ้าขาวที่ต้องการแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดี เอไอเอส จึงริเริ่มโครงการสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง นำเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของเยาวชนที่มีความกตัญญู สู้ชีวิตและใฝ่เรียน มาผลิตเป็นสารคดีเผยแพร่ออกอากาศทางโทรทัศน์ พร้อมมอบทุนการศึกษาเพื่อให้มีโอกาสเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ทำให้ปัจจุบัน มีเด็กและเยาวชนในโครงการสานรัก 600 คน จบปริญญาตรีแล้ว 100 คน


นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า นับเป็นเวลากว่า 15 ปี แล้ว ที่โครงการสานรัก สนับสนุนสถาบันครอบครัว เอไอเอส ได้ฟูมฟักบุคคลต้นแบบแก่สังคม ในแต่ละปี เอไอเอส จะเลือกเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวในแง่มุมใดมุมหนึ่งเพื่อบอกกล่าวคนในสังคมโดยการออกแนวคิดใหม่ในแต่ละปี โดยจะศึกษาจากสภาพแวดล้อมทางสังคมมาประกอบกัน สำหรับปี 2557 จากสถานการณ์ทางสังคมที่มุ่งเน้นทางด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ จนทำให้กลายเป็นสังคม "ก้มหน้า" อยู่ด้วยกันในครอบครัว กินข้าวด้วยกัน แต่ไม่พูดคุยกัน และบางครั้งเราอยากจะบอกว่าอย่าทำแบบนี้เลย มันไม่ดี บางคนก็จะไม่ฟัง จะยึดติดอยู่กับการใช้เทคโนโลยีบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค

เราจึงมองในมุมกลับกันเพื่อที่จะสร้างให้ทุกครอบครัวตระหนักว่า ถ้าทุกคนให้เวลาแก่กัน ใส่ใจซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ผลดีจะเป็นอย่างไร จากนั้นเราจึงเอามุมนั้นมาเทียบกับประวัติเด็กๆ ในโครงการสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่งที่มีอยู่ 600 คน และจบปริญญาตรีแล้ว 100 คน สิ่งหนึ่งที่เรามองเห็นเหมือนกันจากเด็กๆ คือ เบื้องหลังการประสบความสำเร็จของพวกเขามาจาก "แรงบันดาลใจ" จากครอบครัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งก็พบเด็ก 3 คน ที่มีลักษณะของประวัติที่โดดเด่นมาก แล้วก็นำมาทำเป็นภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งตอนแรกเราจะทำแค่เรื่องเดียว เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด แต่ทั้ง 3 เรื่องน่าสนใจและโดดเด่นมาก จึงทำหมดทั้ง 3 เรื่องเน้นลงในสื่อดิจิตอล โดยเลือกเพียง 1 เรื่องเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์

นางวิไล กล่าวถึงหนังสั้น เรื่องแรก "ลองดู" (We can try) ของ จู้ เนตรนภา แซ่หลี ถือเป็นความน่ารักของแม่ที่เชื่อว่า ทุกอย่างในโลกนี้ต้องลองดู ลองผิดลองถูกถือเป็นการเรียนรู้ จนได้ลงมาลองปลูกถั่วงอกขาย ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าการปลูกถั่วงอกนั้นเหมือนจะง่าย แต่จริงๆ แล้วการปลูกให้ขาวอวบ สวยงามเพื่อนำไปขายให้ได้ราคาเป็นเรื่องที่ยากและต้องอาศัยความอดทน แม่ก็ไม่ท้อแท้ ล้มเหลวไม่เป็นไร ยังให้กำลังใจจู้ และลองวิธีการอื่นต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ สิ่งนี้จึงฝังใจลูก ว่าการทดลองทำให้เกิดการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ และความสนุกสนาน ทำให้จู้ฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพราะชอบลองทำสิ่งต่างๆ จนกลายเป็นความฝันและเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เรียนจบเป็น ดร.จู้ และปัจจุบัน จู้สามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยไปทำงานวิจัยที่ประเทศสวีเดน คำว่า "ลองดู" ทำให้เด็กยากจนประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นถึง ดร. และได้ทุนวิจัยไปต่างประเทศเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ตามต้องการ

ส่วนเรื่องที่ 2 "สับปะรด" (Pineapple) นิล น.ส.อัจฉรา พูนสวัสดิ์ ที่มีแม่เข็นรถขายผลไม้และฝันว่าอยากให้ลูก โตขึ้น แล้วช่วยเหลือตัวเองได้ ดูแลตัวเองได้ แม่จึงมีวิธีการสอนลูกที่ไม่เหมือนใคร ถึงแม้แม่จะชอบพูดกับทุกคนเสมอว่าตัวเองเป็นคนไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนหนังสือ สอนลูกก็ไม่เป็น แต่วิธีการที่แม่สอนนิลคือ การให้นิลเรียนรู้จากการสังเกตคนอื่นที่เขาประสบความสำเร็จ ทำให้นิลเป็นคนที่ช่างสังเกต กล้าคิด กล้าทำ เวลาอยู่ที่โรงเรียนจึงรับอาสาทำกิจกรรมสารพัดอย่างที่ครูมอบหมาย นิลได้รับแรงบันดาลใจจากแม่ที่คอยดูและเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ จนมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นครู เพราะต้องการสอนเด็กๆ ให้เรียนรู้ในทุกเรื่อง

เรื่องที่ 3 "นางรำ" เล็ก น.ส.ระวีวรรณ เกลี้ยงทองคำ เป็นการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมาก็ได้ยินเสียงแม่ร้องลิเกตั้งแต่เด็ก เพราะแม่รักและแม่มีความสุขกับอาชีพนี้ เล็กได้เห็นได้ยินก็ซึมซับและเริ่มหัดร้องรำ โดยแม่เป็นคนสอนให้ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การฝึกลิเกบางครั้งก็ถูกเพื่อนหัวเราะเยาะในอาชีพเต้นกินรำกิน จนเล็กเองก็เคยท้อถอย แต่ความรักในนาฏศิลป์ไทยของแม่ที่ถ่ายทอดมาให้เล็กก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เล็กตัดสินใจที่จะสืบสานวิชานี้ต่อไป หลังจากรู้ว่าจะได้รับทุนจากโครงการสานรักจนจบปริญญาตรี เล็กไม่ลังเลที่จะสมัครเข้าเรียนนาฏศิลป์ไทยทันที ปัจจุบันเล็กก็ทำหน้าที่ส่งต่อวิชานาฏศิลป์ไทยโดยการเป็นครูสอนนาฏศิลป์ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศมีนบุรี

ถือว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

หนังสั้นสร้างแรงบันดาลของเอไอเอสที่นำเรื่องราวชีวิตจริงของน้องๆ เยาวชนในโครงการสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง 3 คน 3 เรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจและการเรียนรู้จากครอบครัวในแง่มุมต่างๆ มาขับเคลื่อนชีวิตจนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ตอนที่ทำออกไปทุกคนก็ชอบหมด เราทำเองก็มีความสุขและชอบมาก สำหรับเรื่องความสำเร็จ เราวัดจาก 1.วัดจากยอดวิว และ 2. วัดจากคอมเม้นต์

สำหรับยอดวิว เราตั้งเป้ารวมไว้ 3-4 ล้าน มีคอมเม้นต์จากผู้ชมในแนวทางที่ดีและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเรา คือ อยากให้คนดูเรียนรู้ว่ามีหลากหลายวิธีที่คนในครอบครัวจะสามารถถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ได้

นางวิไล กล่าวว่า หลังจากที่สานรักได้ปล่อยหนังสั้นชุดแรงบันดาลใจ ทั้ง 3 เรื่อง ออกมาแล้ว ได้รับผลตอบรับที่ดีโดยมียอดคนดูทั้ง 3 คลิป ในช่วงแรกได้มากกว่า 1 ล้านวิว และตอนนี้ยอดวิวแตะ 7 ล้านวิวแล้ว จากการรวมกันทุกสื่อโซเชียลมีเดียทั้งเฟสบุค ยูทูป ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังมีคอมเม้นท์ที่ดีๆ เข้ามาไม่หยุด มีบางคนเขียนเข้ามาว่า "บางครั้งคำพูดที่แม่พร่ำสอนก็ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจโดยไม่รู้ตัวและทำให้ตัวเองได้ดีจนทุกวันนี้" เราก็รู้สึกภูมิใจที่ทำให้หลายๆ คนตระหนักเรื่องครอบครัวขึ้นมา

"หนังสั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กยุคใหม่หรือครอบครัวสมัยใหม่ซึ่งเริ่มมีลูก จะได้แนวคิดในการวางกลยุทธ์การสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกได้ เช่น อยากให้ลูกเป็นหมอ จะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกเป็นหมอ ได้อย่างไร" นางวิไล กล่าว

ติดตามชม เรื่องราวอันน่าประทับใจจากชีวิตจริงของน้องๆ ทั้ง 3 คน ผ่านภาพยนตร์โฆษณา สานรัก จากเอไอเอสได้ทางสื่อต่างๆ และ www.sarnrak.net

บทความนี้เป็น [Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook