พชร จิราธิวัฒน์ Becoming a Better Man

พชร จิราธิวัฒน์ Becoming a Better Man

พชร จิราธิวัฒน์ Becoming a Better Man
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวผ่านช่วงวัยมาหมาดๆ กำลังเติมคำในช่องว่างให้กับตัวเองเพื่อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว GM คิดว่านี่เป็นช่วงจังหวะชีวิตที่สำคัญที่สุด น่าค้นหาและน่าพูดคุยด้วยมากที่สุด สำหรับ พีช-พชร จิราธิวัฒน์

COMING of age

ในซีรีย์ฮอร์โมนส์ พีช รับบทเป็น "วิน" ได้เนียนมากๆ GM อยากรู้ว่าอะไรที่พีชเหมือนวินจริงๆ บ้าง พีชคิดนึงหนึ่งก่อนตอบว่าน่าจะเป็นเรื่องวิธีการพูด เขาเป็นคนชอบคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยๆ แล้วก็เที่ยวถามคำถามชาวบ้านรวมทั้งชอบต่อต้าน

ปัจจุบันพีขอายุ 21 ปี อีกปีเดียวก็จะเรียนจบที่คณะบัญชี จุฬาฯ ภาคอินเตอร์ ด้านการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศเราชวนเขาคุยถึง "วัยรุ่นสมัยนี้" และสมัยที่เขาเป็นเด็กวัยรุ่น" พีชหัวเราะก๊าก แล้วบอกว่าคำถามของเราทำให้รู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมาทันที

"จริงๆ ก็เหมือนเดิมมั๊ง อาจจะแค่โซเชียลมีเดียเข้ามามีผลเยอะขึ้น อย่างน้องสาวผมก็รู้เรื่องอะไรในอินเตอร์เน็ตดีกว่าผมแล้ว หลายๆอย่างมันไปไวขึ้น ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ต่างกัน แต่ความบ้าระห่ำก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ‘ความบ้าระห่ำ‘ เรารู้สึกว่าคำนี้ช่างฟังดูเข้ากับเขา พีชร้อง ‘โอ้โห‘ และยอมรับว่าตอนนั้นเขาก็หนักหน่วงใช้ได้

"ผมเคยมีเพื่อนทะเลาะกับคนที่สยามแล้วผมก็เข้าไปช่วยเขากระทืบด้วย ทุกวันนี้รู้สึกดีมากที่ชีวิตผมผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ไม่ได้ตายหรือไม่ได้แขนด้วน คือมันเหมือนเป็นประสบการณ์ชีวิตประเภทหนึ่ง แต่ว่ามันก้็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยที่ไปทำ คือตอนที่เกิดเรื่อง เราไม่ได้ใช้หัวคิดเลย แค่คิดว่าเพื่อนโดนกระทืบ ไม่ได้ละ เป็นเรื่องใช้อารมณ์มากกว่า แต่ผมก็ผ่านมาแล้ว ถือว่าชีวิตโอเคแล้ว สบายตัวแล้ว อย่าให้มันเกิดซ้ำอีก ก็คงแค่นั้น"

COMING up next
พีชเพิ่งจะมีผลงานในอีกบทบาทหนึ่งให้ได้ติดตามกันนั่นคือการเป็นนักร้องนักดนตรีและนักแต่งเพลงในนามวง White Rose ซึ่งมีสมาชิกต่างวัยอีกคนคือ บีม-ภากร มุสิกบุญเลิศ ภายใต้สังกัด Spicy Disc

"ตอนแรกผมออกมาแล้วก็เริ่มทำคนเดียวก่อน ทำเป็นกีต้าร์โปร่งเลย โดยมีโปรดิวเซอร์คือพี่บีม ที่เคยทำให้หลายศิลปิน อย่างเช่น The Yers ทำกันไปทำกันมาก็รู้สึกว่า เพลงที่ทำเป็นวงมากกว่าที่จะเล่นคนเดียว ก็เลยพยายามชวนพี่บีมมาทำวงด้วยกัน ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่ยอม บอกมันไม่ใช่ มันจะดีเหรอวะ สุดท้ายชวนไปชวนมาประมาณสองสามเดือน เขาบอกก็ได้ๆ ทำก็ทำ (หัวเราะ) พอเริ่มทำปุ๊ป ผมก็รื้อเพลงชุดที่ทำคนเดียวทิ้งหมดเลย เก็บไว้ก่อนละกัน แล้วก็เขียนขึ้นใหม่หมด ก็แฮปปี้กว่าที่คิด คือค่อนข้างทำงานด้วยกันง่าย แล้วเขาก็ชอบอะไรที่คล้ายๆ กับที่ผมสนใจจะทำอยู่แล้วด้วย เลยรู้สึกว่าน่าจะเป็นอะไรที่ถูกต้อง"


เพลงของ White Rose เป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์-ร็อค พีชรับหน้าที่ร้องกับเขียนเนื้อ ส่วนบีมจะเป็นคนทำอะเรนจ์เมนต์ เวลาอยู่บนเวทีพีชก็จะเล่นกีต้าร์และอาจจะเล่นพวกกลองไฟฟ้าด้วย

"ผมพยายามจะเขียนเกือบทุกวัน ไปเรื่อยๆ บางอันก็ขยำทิ้งแหละ แต่ว่ามันเหมือนกับการกระตุ้นตัวเองให้คิดโน่นคิดนี่ตลอดเวลา แล้วก็อาจจะให้แฟนผม(นท เดอะสตาร์) เป็นคนคอมเมนต์ เพราะเขาค่อนข้างมีประสบการณ์เยอะ ก็จะช่วยดูบางสิ่งบางอย่างให้ได้"

COMING Home

พีชเล่าว่า คนมักจะชอบถามเขาว่าที่บ้านโอเคหรือที่มาทำงานวงการบันเทิงอะไรอย่างนี้ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ ว่าพ่อกับแม่เป็นคนที่สนับสนุนให้เขาทำในหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง

"อย่างพ่อผม เป็นคนส่งผมไปเรียนดนตรี แม่ผมเป็นคนผลักดันให้รับหนัง Suck Seed ตอนที่แคสติ้งได้ ผมเป็นคนตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้ จะเป็นคนเสียดายไปทุกอย่าง จะดีเหรอว้า อันนี้เป็นยังไงหว่า พอเราคาดเดาไม่ได้เขาก็จะเข้ามา คือบางอย่างเป็นเรื่องอนาคต เราเดาไม่ถูกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะมาช่วยตัดสินใจให้ในระดับหนึ่งช่วยคัดกรองหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง แล้วก็ช่วยกระตุ้นให้ออกไปทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาก็คือดี"

คุณคงคิดว่าดูทรงแล้วก็คงเป็นเด็กถูกสปอยล์แน่ๆ ไม่จริงหรอกครับ พีชยืนยันว่าตอนเด็กๆ พ่อแม่ของเขาดุมาก

"ผมเคยโดนมาหมดแล้ว ทั้งไม้แขวนเสื้อ ไม้กอล์ฟพลาสติก โดนลากไปปล่อยวัด ดุมาก น่ากลัวที่สุด แล้วผมจะไม่กล้า ไม่ค่อยสู้กับพ่อแม่ตัวเอง รู้สึกว่าถ้าต่อต้านน่าจะเจ็บกว่านี้ ก็เลยยอม อ๋อ เคยต่อต้านครั้งหนึ่ง เอากระดาษหนังสือพิมพ์ยัด พ่อตีแล้วรู้ เรียบร้อยเลย หนักกว่าเดิม (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ อยากได้ของเล่นก็คือต้องสอบได้เกรดดี หรือโอกาสพิเศษจริงๆ ถึงจะได้ ไม่งั้นถ้าไปขอจังหวะไม่ดีก็จะโดนด่า บ้านปั๊มตังค์เหรอ ผมว่าเขาสอนเราแหละ ให้อยู่ในลู่ในทาง สอนให้เคารพ ก็เป็นวิธีที่ดีนะ แต่ก็เจ็บเหมือนกัน (หัวเราะ)"

COMING Back as a Man


ในขณะที่คนทั่วไปทำงานหาเงินเพื่อหวังจะมีชีวิตให้ดีขึ้น แต่คนที่มีทุกอย่างอย่างพีช เขาทำสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไปเพื่ออะไร

"มันเป็นความเชื่อของผมเองด้วยแหละ ว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็จะตายแบบเปล่าๆ ไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นทำอะไรบางอย่าง อย่างน้อยมันก็ได้อะไรก็ไม่รู้ติดมือกลับไป อย่างน้อยขอให้ได้อะไรบางอย่าง บางคนอาจจะอยากได้เงิน แต่บางคนก็รู้สึกอยากได้ความสุข ผมพยายามวิ่งไล่ตามความสุขกับความฝันตัวเองอยู่ รู้สึกว่ามันเพิ่งเริ่ม ยังมีอีกเยอะที่จะต้องวิ่งไประหว่างทาง"

Text: ณัฐพล ศรีเมือง Photo: อนุวัตน์ เดชธำรงวัฒน์

ติดตามคอลัมน์อื่นๆ เพิ่มเติม ดาวน์โหลดนิตยสารในเครือจีเอ็มได้แล้วที่   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook