เรื่องหนักใจของ"อิมเมจ" "ไม่เครียดจนเครียด"
นอกจากเวลาไปไหนมาไหนในโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยจะโดนแซว "เดอะ วอยซ์ มาๆ" ซึ่งเรียกเสียงเฮฮาไปทั่ว อิมเมจ-สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ ก็ว่าชีวิตในวัย 16 ปีของเธอไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนัก
"เพื่อนๆ ก็เหมือนเดิม ไม่กรี๊ดอะไร แต่ถ้าเป็นรุ่นน้องจะมีเข้ามาขอถ่ายรูป" อิมเมจเล่า
ก่อนจะว่ากับตำแหน่งแชมป์ที่พลาดไป อันที่จริงเธอก็ไม่ได้หวัง
"รอบที่คาดหวังมากสุดคือรอบบลายด์" อิมเมจเล่าด้วยรอยยิ้มสดใส
"คือเรามาถึงแล้ว ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในรายการ ก็หวังว่าอย่างน้อยให้มีคนหันมาสักคนหนึ่ง"
ดังนั้น ณ ขณะนี้ จึง "เกินที่หวัง"
อิมเมจยังเล่าความรู้สึกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในรายการนั้น "มันท้าทายตลอด"
"รอบแรกเหมือนเราแข่งกับตัวเอง ถ้าเราทำดี เขาก็หัน รอบแบทเทิลกลายเป็นต้องแข่งกับเพื่อนร่วมทีม แอ๊กชั่นมีผล คนเริ่มดูเพอร์ฟอร์แมนซ์มากขึ้น"
รอบน็อกเอาต์ก็คล้ายกัน ต่างก็ตรงที่ต้องออกมาคนเดียว
หากที่ท้าทายสุดก็รอบสุดท้ายตรงที่เป็นรายการสดนี่แหละ
"แต่สุดท้ายแล้วทุกรอบก็คือเราแข่งกับตัวเอง"เธอว่า
และ "ถ้าจะแพ้ก็ไม่ได้หมายถึงตกรอบ แต่หมายถึงข้ามขีดจำกัดตัวเองไม่ได้มากกว่า"
สำหรับขีดจำกัดของตัวเองที่อยากก้าวข้ามนั้นอิมเมจบอกว่าคือเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์
ด้วย"เวลาร้องเพลงจะไม่มีท่าเลย"ได้แต่ยืนทื่อ มือข้างหนึ่งถือไมค์ ขณะที่อีกข้างไม่รู้จะทำอะไรดี
นอกจากนั้น ก็เป็นเรื่องความขัดเขิน ที่จะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่สนใจ
"คือถ้าสัมภาษณ์กัน 2 คนก็พูดได้ แต่ถ้าเริ่มมีกล้องหรือคนเยอะๆ จะเริ่มเขิน ถ้าที่โรงเรียนอยู่ดีๆ ครูเรียกออกไปพูดหน้าห้องหรือร้องเพลงจะเขินมาก"
ทั้งๆ ที่ "บางครั้งตอนอยู่สยาม ตอนที่ไม่มีใครรู้จักก็จะเดินร้องเพลง เดินๆ อยู่ก็ร้อง คนก็มองหน้า ทำไรเนี่ย"
"ดูเป็นคนขัดแย้งในตัวเองหรือเปล่า" สาวแว่นถาม พลางหัวเราะ
ก่อนสรุปเองว่าทั้งหมดน่าจะเพราะ เวลาที่คนรู้จักจับจ้อง เธอจะเกร็ง
แต่ถ้าเป็นใครก็ไม่รู้ ดูไปเถอะ เพราะไม่รู้สึก
เธอยังเล่าถึงตัวเองอีกว่า นอกเหนือจากการร้องเพลงแล้ว ถ้าเลือกได้เธออยากเป็นคนตลกๆ
แต่ในชีวิตจริงซึ่งเลือกไม่ได้ "เป็นคนแป้กมาก"
"เวลาเห็นคนอื่นพูดอะไรก็ตลก อย่างพี่หนุ่มพูดอะไรคนก็ขำ ไม่ต้องพูด คนก็ขำ เจ๋งดีอ่ะ ที่ทำให้คนยิ้มได้ ก็อยากทำได้มั่ง แต่ขนาดปล่อยมุขแล้ว แต่จังหวะไม่ค่อยดีมั้ง มุขเดียวกันขณะที่คนอื่นเล่นแล้วคนขำมากมาย หนูเล่นแล้วกริบ...เศร้า" เธอเล่าพลางหัวเราะลั่น
ดูจากอาการคุยไปหัวเราะไป ท่าทางจะเป็นคนอารมณ์ดียิ่ง?
พร้อมๆ กับการพยักหน้าตอบรับ อิมเมจก็ว่า "เป็นคนไม่เครียด จนบางทีก็เครียด ว่าทำไมไม่เครียดเลย"
"อย่างตอนนี้ ม.6 จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เห็นเพื่อนที่เรียนเก่งๆ เขาเครียด อ่านหนังสือ แต่เราเรียนไม่เก่ง กลับไม่เครียด จะสอบแล้วเหรอ...แล้วแต่ จะอ่านหนังสือเหรอ...อืมมๆ ตามใจ"
"พอถึงเวลาสอบเห็น ก ข ค ง ก็จิ้ม ทำไม่ได้เลยนะ พอแม่ถามก็จะแบบ ทำได้ แล้วก็ไม่เครียด คนรอบข้างจะเครียดแทนว่าทำไมไม่อ่านหนังสือ ทำไมทำคะแนนได้น้อยมาก"
"ถึงบอกไม่เครียดจนเครียดว่าทำไมไม่เครียด"
"บางคนคิดว่าหนูคงเรียนเก่งมากเห็นใส่แว่นเปล่าเลยจริงๆ นอนดูละครตอนเด็กกับพ่อแม่ ไม่เกี่ยวกับอ่านหนังสือ"
"แล้วเป็นคนมีความสุขง่าย แค่พ่อแม่พาไปกินข้าวก็มีความสุข ติดเดอะ วอยซ์ ก็มีความสุข"
"เคยได้ยินคำที่เขาบอกว่าถ้าขยันวันนี้ก็มีความสุขวันหน้า แต่ถ้าขี้เกียจวันนี้ ก็มีความสุขแค่วันนี้ หนูเลยว่าถ้าขี้เกียจทุกวัน ก็น่าจะมีความสุขทุกวัน"
"เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชนทั่วประเทศ" อิมเมจบอกพลางหัวเราะลั่น
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะขี้เกียจจริง เพราะถ้าเป็นเรื่องร้องเพลง คนขี้เกียจก็ว่าตั้งใจจะปรับปรุงตัวเองในทุกๆ ด้าน
"อาจจะมีคนบอกว่าเราดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราดีขึ้นได้ ก็ดีขึ้นดีกว่า"
เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแฟนๆ
ที่มา : นสพ.มติชน