ก.ค.ศ.ไฟเขียวโอนข้าราชการสังกัดอื่นเป็นครู สพฐ.

ก.ค.ศ.ไฟเขียวโอนข้าราชการสังกัดอื่นเป็นครู สพฐ.

ก.ค.ศ.ไฟเขียวโอนข้าราชการสังกัดอื่นเป็นครู สพฐ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูโดยมีหลักการที่สำคัญดังนี้

ก.ค.ศ.ไฟเขียวโอนข้าราชการสังกัดอื่นเป็นครู สพฐ.ก.ค.ศ.ไฟเขียวโอนข้าราชการสังกัดอื่นเป็นครู สพฐ.

1. รับโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู เท่านั้น

2. การรับโอนต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้หรือผู้ได้รับการคัดเลือกรอการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วยในกลุ่มวิชาหรือทางหรือสาขาวิชาเอกที่จะรับโอนในเขตพื้นที่การศึกษานั้นหรือเขตพื้นที่การศึกษาอื่น หรือบัญชีของส่วนราชการ แล้วแต่กรณี

3 ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติ มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 , มีอายุไม่เกิน 50 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร, มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ. รับรองและกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง, มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ยังไม่หมดอายุ

ต้องเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นหรือข้าราชการอื่น ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาโดยผลการสอบแข่งขัน , ปัจจุบันต้องดำรงตำแหน่งสายงานการสอน สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานนิเทศการศึกษา ตำแหน่งประเภทวิชาการ และข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ชั้นยศไม่ต่ำกว่าสัญญาบัตร อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร

มีประสบการณ์การสอนหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอน มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีภาระงานการสอนขั้นต่ำตามที่ส่วนราชการที่รับโอนกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ. , ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำในอันดับของตำแหน่งที่รับโอน

ไม่อยู่ในระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ หรือไม่เคยกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณวิชาชีพ,ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาหรือไม่เคยถูกลงโทษทางอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และไม่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย " รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าว

4. ผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอน จากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัดก่อน

5. สถานศึกษาที่จะรับโอน ต้องมีจำนวนตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด

6. ให้สำนักงานเขตพื้นที่ฯหรือส่วนราชการ โดยอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งแล้วแต่กรณี เป็นผู้ดำเนินการรับโอน โดยประกาศรับสมัคร

7. ผู้ขอโอนต้องผ่านการประเมินความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมตามที่กำหนด

8. ผู้ผ่านการประเมินต้องได้คะแนนแต่ละข้อไม่ต่ำกว่า 60% และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการประเมินเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างที่ประกาศรับโอน

9. ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้โอนจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่รับโอน ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ออกคำสั่งรับโอน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้รับโอนอาจยกเลิกการรับโอนได้

10. ผู้ที่ได้รับการโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ต้องเข้ารับการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด

ทางด้านนางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการก.ค.ศ. กล่าวว่า จากนี้ก.ค.ศ. จะต้องไปทำรายละเอียด เพื่อเป็นแนวทางให้เขตพื้นที่ฯ นำไปปฏิบัติ หลักเกณฑ์ดังกล่าวเปิดโอกาสให้พนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุ

และแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ก.ค.ศ.กำหนดโดยไม่ต้องสอบขึ้นบัญชีเช่นเดิม ส่วนหนึ่งทำให้สามารถบรรจุครูที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ รวมถึงยังแก้ปัญหาขาดครู โดยเฉพาะในสาขาที่เป็นความต้องการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook