′4หนุ่ม′เผยเคล็ดลับพิชิตสนามสอบ′เนติบัณฑิตยสภา′
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิณัฎฐา แสงสุข คณบดีคณะนิติศาสตร์ มอบเกียรติบัตรเพื่อยกย่องและเป็นกำลังใจให้ 4 บัณฑิตรามคำแหงที่สามารถสอบเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 67 คะแนนรวมติดอันดับท็อปเท็น ได้แก่ นายนัทพล อุดมศิลป์ สอบได้ลำดับที่ 1 นายศัตพัฒน์ แขกเพ็ง สอบได้ลำดับที่ 3 นายสันต์ ไชยธีระพันธ์ สอบได้ลำดับที่ 6 และ นายอภิณัฐ เอี่ยมปรัชญา สอบได้ลำดับที่ 8 ณ ห้องประชุมชั้น 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โอกาสนี้ ‘ข่าวรามคำแหง' ได้พูดคุยกับบัณฑิตคนเก่งทั้ง 4 คนที่สามารถสอบเนติบัณฑิตยสภาได้ติดอันดับท็อปเท็นถึงความรู้สึก วิธีการเรียนการเตรียมตัวสอบ และฝากข้อคิดถึงน้องๆ นิติศาสตร์รามคำแหง
นายนัทพล อุดมศิลป์ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ อายุ 25 ปี สอบเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 67 คะแนนรวมได้ลำดับที่ 1 กล่าวว่า ดีใจที่ผลการสอบครั้งนี้คุ้มค่ากับความเพียรพยายามเรียน อ่านหนังสือ และเตรียมตัวสอบ และภูมิใจที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สำเร็จ ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยที่จัดการเรียนการสอนโดยมีอาจารย์บรรยายแต่ละวิชาอย่างทุ่มเทเต็มที่ ทำให้ได้รับพื้นฐานความรู้ด้านกฏหมายที่แน่นมาก เมื่อไปเรียนเนติบัณฑิตยสภา ก็สามารถเสริมสร้างความรู้เพิ่มเติมและพยายามอ่านหนังสือมากขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยก็สามารถประสบความสำเร็จได้
"เทคนิคในการเรียนและการสอบพยายามอ่านหนังสือแต่ละวิชาให้จบก่อนที่จะมีการเรียนการสอนเพราะเมื่อเปิดบรรยายในห้องเรียนถือเป็นการทบทวนและสรุปแต่ละกระบวนวิชา ซึ่งทำให้มีเวลาเตรียมตัวสอบมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาสอบนักศึกษาต้องมีสติ จดจ่ออยู่กับข้อสอบ อย่ากังวลเกิดกว่าเหตุ ตั้งใจสอบให้เต็มที่ ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ คิด และรอบครอบในการตอบคำถามให้ครอบคลุมทุกประเด็น"
นายนัทพล กล่าวอีกด้วยว่า สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้เพราะ ได้แรงบันดาลใจที่ดีตลอดเวลาที่เรียนจากอาจารย์และรุ่นพี่นิติศาสตร์รามคำแหง และตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาต่อไป ท้ายนี้ขอฝากน้องๆนิติศาสตร์ทุกคน ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจและพยายามอ่านหนังสือ อย่าท้อถอย ย้อมแพ้ต่อความขี้เกียจของตนเอง ใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า และหากมีเวลาขอให้มาเข้าเรียนฟังบรรยายจากอาจารย์โดยตรง หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยก็สามารถถามอาจารย์ที่สอนได้ทันทีจะทำให้น้องๆ มีพื้นฐานที่ดีเพื่อต่อยอดในอนาคต
นายศัตพัฒน์ แขกเพ็ง บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ อายุ 21 ปี สอบเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 67 คะแนนรวมได้ลำดับที่ 3 กล่าวว่า ผมมีโอกาสเข้ามาเรียนระบบ Pre-degree เพราะต้องการเรียนด้านกฎหมายอยู่แล้ว ตั้งใจไว้สองเรื่อง คือ เข้ามาเรียนเพื่อค้นหาตัวเองว่าชอบเรียนกฎหมายจริงหรือไม่ และถ้าเราเรียนแล้วคิดว่าใช่ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้เรียนต่อให้จบ สำหรับผมช่วงที่เรียน ผมจะอ่านหนังสือและทบทวนวิชากฎหมายจนเป็นกิจวัตรประจำวัน วางแผนไว้ แล้วเลือกทำไปทีละขั้นตอน พอจบ ม.6 ผมมาเรียนเพิ่มอีก 1 เทอมก็จบปริญญาตรี อายุ 18 ปี จากนั้นตั้งใจเรียนให้จบเนติบัณฑิตยสภาอย่างเต็มที่ เมื่อสำเร็จการศึกษาและสอบได้คะแนนรวมเป็นลำดับที่ 3 ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจมาก และต่อจากนี้จะตั้งใจเก็บอายุงานและอ่านหนังสือรอสอบในสนามสอบต่อไป
"ผมจะเข้าเรียนเป็นหลักเพื่อฟังคำบรรยายทุกคาบและสนใจเรื่องเนื้อหา ฎีกา เมื่อกลับบ้านก็จะอ่านหนังสือรวมคำบรรยาย และเวลาใกล้สอบจะท่องตัวบทกฏหมาย และทบทวนสรุปต่างๆ ที่จดไว้ทั้งหมดอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่ท้อแท้ก็จะสร้างแรงบันดาลใจโดยมองคนที่มีโอกาสน้อยกว่า และกลับมาเข้มแข็งให้เร็วที่สุด เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
ดังนั้น ขอให้น้องๆตั้งเป้าหมายในชีวิตให้แน่นอนว่าอนาคตอยากประกอบอาชีพอะไร เพื่อสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้ตนเอง จากนั้นก็ตั้งใจเรียน ขยัน และอดทน ไม่หลงไปกับสิ่งยั่วยุรอบข้าง มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าทำอะไรและทำวันนี้ให้ดีที่สุด"
นายสันต์ ไชยธีระพันธ์ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ อายุ 31 ปี สอบเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 67 คะแนนรวมได้ลำดับที่ 6 กล่าวว่า ตนเองจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างทำงานมีความชื่นชอบด้านวิชากฎหมาย จึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาตรีอีก 1 ใบ ในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง การเรียนที่รามคำแหง อาศัยการอ่านหนังสือและมาสอบเพราะไม่มีเวลาเข้าเรียน แต่ก็สามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในเวลา 3 ปี จากนั้นตนเองก็ลาออกจากการทำงานและมุ่งเรียนเนติบัณฑิตยสภาอย่างจริงจังจนสามารถสอบผ่านและติดอันดับท็อปเท็นได้เป็นความภาคภูมิใจของตนเองและครอบรัวอย่างยิ่ง
"การเรียนนิติศาสตร์ม.รามคำแหง กับเนติบัณฑิตยสภา แตกต่างกันมาก ตอนเรียนนิติศาสตร์ ผมจะไม่ค่อยมีเวลามาเข้าเรียน จะอ่านหนังสือหลังจากเสร็จงาน ดูแนวข้อสอบเก่า และเตรียมตัวมาสอบ แต่เมื่อมาเรียนเนติบัณฑิต ผมไม่ต้องทำงานจึงมีเวลาเข้าเรียนอย่างเต็มที่ โดยปฏิญาณกับตนเองว่าต้องอ่านหนังสือให้ได้ 90 หน้าต่อวันและเมื่ออ่านครบก็จะมีรางวัลให้กับตนเอง มาเข้าเรียนทุกชั่วโมง หลังจากเรียนก็จะคุยกับเพื่อนๆ และอาจารย์ โดยการนำแนวข้อสอบที่ทำขึ้นเอง และกรณีศึกษาจากละครหรือภาพยนตร์ที่ไปดูมาพูดคุยถึงหลักกฎหมายต่างๆ ด้วย เพราะมองว่าการสร้างจิตนาการ หรือทำให้วิชากฎหมายเป็นเรื่องน่าสนใจ จะช่วยให้เราอยากเรียนมากขึ้น"
นายสันต์ กล่าวต่อไปว่า การเรียนนักศึกษาต้องรู้จักการรับเข้าและแสดงออกอย่างเท่าๆกัน โดยการรับเข้าคือ การฟังและการอ่าน ส่วน การแสดงออกคือ การพูด และการเขียน ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้ ต้องทำให้สอดคล้องและสมดุลกัน และควรมีมุมมองที่กว้างขวาง มองให้รอบด้าน เพราะความสำเร็จไม่ได้มีหนทางเดียว วิธีการที่ไปสู่ความสำเร็จก็เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือนักศึกษาจะต้องรู้จักตนเองและมองหาวิธีศึกษาวิชากฏหมายในแบบที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดและมุ่งมั่นตั้งใจไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อนาคตก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
นายอภิณัฐ เอี่ยมปรัชญา บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ อายุ 22 ปี สอบเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 67 คะแนนรวมได้ลำดับที่ 8 กล่าวว่า ภูมิใจที่ความพยายามของตนเองสัมฤทธิ์ผล และขอให้ความสำเร็จนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ นิติศาสตร์รามคำแหง มุ่งมั่นพยายาม ขยันและอดทนเรียนหนังสือให้ประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับพี่ๆ ในวันนี้ โดยมีเคล็ดลับง่ายๆ คือ เข้าเรียนทุกคาบที่อาจารย์บรรยาย จดใจความสำคัญต่างๆ เป็นข้อสรุป อ่านทบทวนตัวบทกฎหมาย ศึกษากรณีศึกษา ฏีกาต่างๆ และที่สำคัญควรเลือกคบเพื่อนที่ดีๆ เพื่อช่วยกันเรียนหนังสือ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และดูแลเรื่องเรียนในเวลาที่นักศึกษาไม่สามารถเข้าเรียนได้
"ขณะนี้ทำงานตำแหน่งนิติกรที่กรมบังคับคดีและตั้งใจว่าจะเก็บประสบการณ์การทำงานพร้อมทั้งศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านกฏหมายไปด้วย เพื่อรอเวลาสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาต่อไป"
นายอภิณัฐ กล่าวอีกด้วยว่า พรสวรรค์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นนักศึกษาต้องมีพรแสวงเป็นหลัก ตั้งใจเข้าฟังคำบรรยายจากอาจารย์ ขยันอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ต่างๆ ให้กำลังตนเองเสมอว่าต้องทำได้ แต่ไม่ต้องกดดันตนเองมากไป หากเหนื่อยล้าก็พักบ้างเพื่อสร้างแรงใจให้ก้าวต่อไปข้างหน้า และที่สำคัญต้องฝึกเขียนตอบข้อสอบให้ตรงและทันเวลาด้วย