10 เหตุผลที่ไม่ควรละทิ้งความฝันของตัวเอง

10 เหตุผลที่ไม่ควรละทิ้งความฝันของตัวเอง

10 เหตุผลที่ไม่ควรละทิ้งความฝันของตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณเคยรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตบ้างหรือเปล่า? เคยมืดมนหนทางจนทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหนดี หรือรู้สึกถอดใจกับการไล่ตามความฝันของตัวเองไปแล้ว แต่อย่าเพิ่งค่ะ! เพราะนี่คือ 10 เหตุผลดีๆที่คุณไม่ควรหยุดเชื่อมั่นในความฝันของตัวเอง

1. ชีวิตนี้ช่างสั้นนัก

สัปดาห์ก่อนฉันป่วยและเบื่อที่จะนั่งดูทีวีจมจ่อมอยู่ในห้องทุกคืน แถมรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครโทรมาหาหรอก บอกเลยว่าชีวิตของฉันถึงขั้นหดหู่มาก ดังนั้นฉันจึงลองเข้าไปในเฟซบุ๊คและฉันก็ได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้ยินข่าวมานานกว่า 6 ปี ฉันรู้สึกว่ามันคุ้มค่าเหลือเกิน! เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าที่จะนั่งแกร่วอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่งั้นอีก 10 ปีต่อมาคุณจะแก่ขึ้นไปเรื่อยๆและสงสัยว่าเวลาที่ผ่านมามันหายไปไหน

2. ความฝันบ่งบอกความเป็นคุณ

เมื่อมีคนถามว่าฉันเป็นใคร ฉันจะตอบกลับไปง่ายๆว่า "เป็นนักเขียนค่ะ" "บางทีก็เป็นช่างภาพมือใหม่และเป็นมือกลองด้วย" ซึ่งทุกคนก็มักทำท่าแปลกใจกับข้อหลัง ใช่ค่ะฉันฝันอยากเป็นมือกลองระดับพระกาฬ (อย่างน้อยแค่ตีกลองเป็นก็ใช้ได้แล้ว) หากคุณมีความฝันที่กำลังลงมือทำอยู่ (หรืออยู่ในขั้นตอนการวางแผน) เพียงเท่านี้ความฝันของคุณก็เหมือนบรรลุเป้าหมายแล้ว แล้วทำไมต้องหยุดฝันล่ะ?

3. ถ้าคุณไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี

อยากรู้หนึ่งในนิสัยประหลาดของฉันไหม? เวลาที่มีคนบอกฉันว่าพวกเขาอยากไปอิตาลีหรืออียิปต์ ฉันก็มักรู้สึกว่าอยากไปสองประเทศนี้เหมือนกัน และแทนที่ฉันจะตื่นเต้นไปกับพวกเขา ปรากฏว่าลึกๆแล้วฉันกำลังอิจฉาพวกเขาอยู่ ทุกครั้งที่ฉันเห็นใครมีชีวิตเจ๋งๆฉันมักบอกกับตัวเองว่า "พวกเขาขโมยความฝันของฉันไป" แต่เปล่าเลย! มีแต่ฉันนี่แหละที่มัวแต่ฝันลมๆแล้งๆ จงจำไว้ว่าถ้าคุณไม่ยอมทำตามความฝัน เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ทำอยู่ดี และเมื่อไหร่ที่คุณพบกับคนเหล่านี้คุณจะอยากเตะตัวเองที่ไม่ยอมลงมือทำอะไรสักที

4. คุณนั่นแหละที่ทำให้ความฝันย่ำอยู่กับที่

เรียนไม่จบงั้นเหรอ? ทำไมล่ะ มีคนตั้งมากมายที่ไปลงเรียนภาคค่ำและจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูกสัก 2 ชั่วโมง อยากไปประเทศจีนเหรอ? (เหมือนฉันเลย) ฉันเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วแต่เหตุผลเดียวที่ไม่ไปสักทีเพราะฉันกลัวความล้มเหลว (ฉันกลัวเครื่องบินด้วย) ฉันรู้ว่ามันน่าขำแต่สุดท้ายฉันต้องเอาชนะความกลัวนี้ให้ได้เพื่อที่จะไปถึงประเทศจีน เชื่อสิอะไรก็เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้จะมัวแต่กลัวไปทำไมล่ะ ตัวคุณเองนั่นแหละที่ทำให้ฝันไปไม่ถึงไหนสักที คุณควรเป็นคนที่ให้กำลังใจตัวเองสิ!

5. เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน

เวลาที่ไม่มีเป้าหมายใดๆในชีวิต ฉันก็คิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องตั้งใจหรือทุ่มเททำเพื่อสิ่งใดเลย แต่จริงๆแล้วฉันก็ไม่ชอบใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆหรอกนะ ฉันต้องการแรงบันดาลใจและการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นบวกกับความเพ้อฝัน และที่สำคัญฉันต้องการเป้าหมายด้วย! มีหลายครั้งที่ฉันนอนร้องไห้อยู่บนเตียงเนื่องจากอาการซึมเศร้า สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหลุดพ้นจากความสิ้นหวังนี้ได้คือการมีเป้าหมายในอนาคต ดังนั้นเราควรสู้ต่อไป

6. ไม่มีคำว่าสายเกินไป

แม่เคยบอกไว้ว่า "ยิ่งอายุมากก็ยิ่งหาคนที่ใช่ยาก" หรือ "ทำไมลูกไม่ลองเดินทางไปต่างประเทศบ้างล่ะ? ลูกอาจจะลงหลักปักฐานที่นั่นก็ได้นะ" เวลาที่แม่พูดว่าฉัน "แก่เกินไป" สามสิบนี่แก่เกินไปแล้วเหรอ! บางคนอายุหกสิบยังใช้ชีวิตลั้นลาอยู่เลยนะแม่ โดยส่วนตัวฉันเชื่อว่าชีวิตจะยิ่งตื่นเต้นและน่าสนใจขึ้นเมื่อพวกเขาอายุเลยห้าสิบไปแล้ว ดังนั้นความฝันของคุณไม่มีคำว่าสายเกินไป

7. ความฝันจะช่วยขัดเกลาคุณ

ไม่ใช่เฉพาะความสำเร็จที่จะบ่งบอกว่าเราเป็นใคร แต่เป็นความล้มเหลวก็ด้วยเช่นกัน ชีวิตของฉันคงแตกต่างไปจากนี้มากหากฉันยังอยู่กับสามีคนแรกและยุติความฝันที่จะมีชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์ นิสัยของฉันคงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหากฉันไม่เคยล้มเหลวในชีวิตคู่ ฉันคงไม่เป็นฉันอย่างในทุกวันนี้ บอกตามตรงฉันชอบตัวเองในวันนี้มากๆ เมื่อคุณมีความฝันหรือเป้าหมายและพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ล้มเหลว คุณสามารถหยุดอยู่แค่นี้หรือจะไล่ตามความฝันอื่นต่อและพยายามอีกครั้งก็ได้ มันขึ้นอยู่กับคุณเลย

8. คุณจะรู้จักมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น

ความฝันจะทำให้คุณรู้จักมองไปข้างหน้าและไม่ทำให้คุณนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงเวลาที่รู้สึกแย่มากๆ คุณจะมีความหวังและความฝันที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณเอาไว้ รวมถึงยังทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขกว่าเดิมอีกด้วย คุณจะรู้สึกได้ถึงความสำเร็จและท้ายที่สุดคุณจะมีความสุขสุดๆไปเลย!

9. อย่ายอมแพ้ จงมั่นใจในตัวเอง

ฉันเคยไปอยู่ที่ต่างประเทศและมีเหตุผล 2 ข้อว่าทำไมฉันถึงไปที่นั่น 1) ตอนนั้นฉันกำลังอินเลิฟกับแฟนที่อยู่ที่นั่น 2) ฉันอยากหนีไปให้พ้นจากเมืองนี้สักพักนึง ฉันต้องการเปิดหูเปิดตาเปิดโลกใหม่ๆบ้าง ฉันจึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทซึ่งเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งของฉันด้วย (ไปให้พ้นจากที่นี่และได้ไปอยู่กับคนที่ใช่ ก็ไม่แย่เกินไปใช่ไหม?) ก่อนที่ฉันจะไปพ่อแม่โกรธฉันมากๆเลยพวกท่านมองว่าฉันพยายามหาเรื่องหนีออกจากบ้าน ฉันเกือบจะทิ้งความฝันของตัวเองแล้วเนื่องจากฉันรู้สึกผิดต่อครอบครัว แต่ฉันจำเป็นต้องเข้มแข็งเพราะโอกาสเช่นนี้ไม่ได้ผ่านมาบ่อยๆ

10. คนที่หยุดฝันคือคนที่ตายแล้ว

ตัวคุณไม่ได้ตายจริงๆหรอก แต่จิตวิญญาณของคุณอาจเหี่ยวเฉาไปแล้ว อย่ายอมแพ้ อย่าหยุดฝัน ไม่สำคัญว่าคุณจะเด็กหรือแก่ ไม่ว่าสถานการณ์ในชีวิตจะเป็นเช่นไร จงไล่ล่าความฝันของตัวเองต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ที่มา Trina

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook