เปลี่ยนจากเซลฟี่เล่นๆ มาหารายได้จากการเซลฟี่กันเถอะ
Thailand Web Stat

เปลี่ยนจากเซลฟี่เล่นๆ มาหารายได้จากการเซลฟี่กันเถอะ

เปลี่ยนจากเซลฟี่เล่นๆ มาหารายได้จากการเซลฟี่กันเถอะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ เราใช้เวลาไปกับสังคมออนไลน์มากขึ้นทุกที ทั้งการอัพรูปภาพ เรื่องราวของตนเอง และการติดตามข้อมูลข่าวสารของคนอื่น และคงจะเป็นการดีไม่น้อยเลย หากเราสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากกิจกรรมออนไลน์ในแต่ละวันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอินสตาแกรมอย่างเช่น อินสตาแกรมของ The Fat Jaw มีรายได้จากการการนำภาพขึ้นอินสตาแกรมมากถึง 6,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ส่วน @inspiralized ผู้ประกอบธุรกิจอาหาร ก็ทำรายได้ถึง 70,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี จากอินสตาแกรม

หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบใช้อินสตาแกรม และคิดว่าตนเองมีความสามารถในการนำเสนอ ลองมาทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดู มันอาจจะช่วยสร้างรายได้ให้กับคุณ จนกลายเป็นรายได้หลักในวันข้างหน้าเลยก็ได้



1.สร้างเนื้อหาที่จับใจ แน่นอนว่า เนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะสร้างความพอใจให้กับคนบนโลกออนไลน์ เนื้อหา เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์หลักของความสำเร็จบนอินสตาแกรมเลยทีเดียว ก่อนอื่นใช้รูปภาพมีความโดดเด่น ลองกลับไปดูภาพเก่า ๆ ว่าภาพแนวไหน ที่มีคนสนใจกดไลค์ หรือมาแสดงความคิดเห็นมาก และคำบรรยาย ที่จะทำให้มีผู้สนใจติดตาม คุณอาจจะใช้เวลาสักพัก นั่งจิบกาแฟ และวางแผนในการโพสต์เรื่องราว หาแนวทางที่จะทำให้ภาพที่น่าสนใจ ดึงผู้คนให้เข้ามาติดตามเนื้อหาดี ๆ ที่คุณมีไว้

2.ทำให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วม บ่อยครั้งที่เราโพสต์ภาพสวย ๆ ลงในอินสตาแกรม แต่ลืมนึกไปว่า หัวใจสำคัญของความสำเร็จบนสื่อออนไลน์คือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเช่นคุณเป็นช่างภาพ ถ่ายภาพธงชาติในมุมมองที่แปลกใหม่ นำขึ้นแผบแพร่ พร้อมติดแฮชแทค คำว่า ธงชาติ ธง เพื่อให้มีคนเข้ามาติดตาม และพยายามมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนที่เข้ามาใหม่ ๆ เพื่อให้เขาติดตามเราต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่จะมีเจ้าของสินค้า เข้ามาให้ความสนใจ คุณจะต้องมีผู้ติดตามเป็นหลักหมื่นขึ้นไป



3.การแทคอย่างเหมาะสม เราทราบกันดีว่าแฮชแทคเป็นวิธีที่ให้ผลดีทำให้มีคนรู้จักอินสตาแกรมของเรามากขึ้น เจ้าของสินค้าจำนวนมาก ค้นหาแฮชแทคที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของพวกเขาในขณะเดียวกันผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ก็ค้นหาเนื้อหาใหม่ ๆ หรือแอคเคาท์ใหม่ ๆ เพื่อที่จะติดตามจากแฮชแทค เช่นกัน แต่ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม เช่น คุณสวมรองเท้ายี่ห้อ A ก็ให้แทคแบรนด์ A ถือกระเป๋าอะไร ก็แทคแบรนด์นั้น ยืนอยู่ที่ไหน แทคที่นั่น หลังจากแทคไปที่เจ้าของแบรนด์แล้ว ก็ส่งข้อความไป หากมีใครในบริษัทเข้ามาเช็ค พวกเขาก็จะรู้ว่า สินค้าของเขาได้รับการโปรโมทโดยคุณ และหากคุณนำเสนอเนื้อหาที่ดีด้วย สินค้าของเขา ก็มีโอกาสขายได้

Advertisement


4.ต้องมีแบรนด์ให้กับตัวเอง คุณต้องรู้มูลค่าของตัวเอง เช่น มีผู้ติดตาม 30,000 คน ควรจะได้ค่าโปรโมทเท่าไหร่ และในการต่อรอง ก็ควรนำเสนอเป็นแพคเกจ เช่น ถ่ายสินค้าเป็นชุด 5 ชิ้นขึ้นไป แบบนี้เป็นต้น เพราะจะช่วยประหยัดเวลาในการเจรจาและทำธุรกิจ และในการเจรจา ก็อย่าลืมให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของผลงานเก่าว่า เคยรับของแบรนด์ไหน และผลงานประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน



5.นำเสนอบริการฟรี หากคุณยังไม่เคยมีรายได้จากการว่าจ้างของเจ้าของแบรนด์ใด ๆ มาก่อน การเสนอบริการฟรีนี้ก็เพื่อสร้างพอร์ตผลงานของตัวเอง เช่น ลองเจรจากับร้านอาหารที่คุณเป็นขาประจำ นำเสนอบริการถ่ายรูปโปรโมทในอินสตาแกรมของคุณฟรี แลกกับรับประทานอาหารฟรี เป็นต้น การมีพอร์ตผลงาน จะช่วยให้การเจรจาธุรกิจง่ายขึ้น

6.พอร์ตผลงานควรมีความหลากหลาย มีการสำรวจข้อมูลพบว่าผู้คนแชร์ภาพในอินสตาแกรมกันมากกว่า 70 ล้านภาพต่อวัน แต่วิดีโอนั้น มีเพียง 8.93 เปอร์เซนต์เท่านั้น ดังนั้น หากคุณมีความสามารถถ่ายวิดีโอ นั่นจะทำให้คุณมีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง และหากคุณมียอดการเข้าชม YouTube มากเป็นล้าน ๆ ครั้ง แน่นอนว่ามันจะสร้างรายได้ให้คุณได้ไม่น้อยเลย ดังนั้น ในการสร้างพอร์ตผลงาน ต้องกระจายให้มีความหลากหลายในทุกช่องทาง


เรียบเรียงข้อมูลจาก http://elitedaily.com

ภาพจาก www.istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้