เชื่อพี่...อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ต้องแบบนี้เลย!
Sanook! Campus เชื่อว่าภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่สามที่น้องๆ หลายๆ คนต้องเคยอยากเรียนแน่นอน เพราะย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ภาษาญี่ปุ่นก็เป็นภาษาหนึ่งที่เราอยากเรียนมากๆ เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเหล่า J-Rock และ J-Pop แถมยังมีหนังสือ I-Spy และ J-Spy เป็นคู่มือ เพื่อหาคำแปลเนื้อเพลงต่างๆ และพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าใครไม่รู้จักลองกูเกิ้ลเอาได้ ในสมัยนั้นมันเป็นเหมือนคัมภีร์ที่ช่วยให้รู้ความหมายของศัพท์บางคำด้วยตัวเอง ส่วนเราในวัย 30 กว่าตอนนี้ก็แอบเสียดายลึกๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนในตอนนั้น
หลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 10 ปี เราได้มีโอกาสมาสัมผัสญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และมาสัมผัสที่เมืองเล็กๆ อย่าง “ฮิกาชิคาวา (Higashikawa)” ซึ่งอยู่ในฮอกไกโด เมืองที่เราได้ข้อมูลว่าแม้จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ มีประชากรไม่ถึงหมื่นแต่ก็เป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยเทศบาลเมืองนี้มีทุนการศึกษาต่างๆ รองรับการเรียนทั้งสำหรับชาวญี่ปุ่นเอง และสำหรับชาวต่างชาติซึ่งมีนักเรียนต่างชาติมาเรียนที่นี่ถึง 17 ประเทศและหนึ่งในนั้นคือนักเรียนไทยของเราด้วย
มาครั้งนี้เราจึงได้มีโอกาสเข้าชมโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นของที่นี่ด้วย โดยโรงเรียนที่เราไปนั้นเป็นโรงเรียนของเทศบาลเมืองฮิกาชิคาวาเอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ Higashikawa Art Exchange Center โดยที่นี่มีหลากหลายคอร์สให้เราเลือกเรียนได้เลย ทั้งคอร์สระยะสั้นสำหรับปิดภาคเรียนฤดูร้อน คอร์สระยะยาว 1 ปีหรือ 2 ปี นักเรียนก็สามารถเลือกได้ เราได้มีโอกาสเจอกับน้องนักเรียนไทยหลายคนเลย รวมถึงนักเรียนไทยที่มาเรียนสกีที่นี่ เพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันต่อไปในอนาคตด้วย
บรรยากาศของที่เรียนที่นี่อบอุ่นมาก การแบ่งชั้นเรียนนั้นดูจากพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นที่มีของแต่ละคน เพราะฉะนั้นจะมาเริ่มเรียนภาษาที่นี่เลยก็ได้ แต่ละชั้นเรียนมีจำนวนนักเรียนไม่มากนัก ทำให้น้องๆ สามารถลืมความเขินอายเวลาที่ต้องทดลองฝึกพูดไปได้เลย แถมเป็นนักเรียนชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นจะพูดผิดหรือถูกต่างก็มีเซนเซ (Sensei) หรือคุณครูคอยให้คำแนะนำทั้งหมด แต่แตกต่างจากเรียนที่เมืองไทยตรงที่ อยู่ที่นี่น้องๆ จะได้ฝึกใช้ภาษาญี่ปุ่นตลอดเวลา ทำให้สามารถเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นกว่าการเรียนที่เมืองไทยปกติ
ที่นี่มีหอพักให้สำหรับนักเรียนด้วย ซึ่งภายในหอก็สะดวกสบายมาก ถามว่ารู้ได้ไงน่ะหรอ ก็เพราะแอบเข้าไปขอนอนแล้วด้วยล่ะ ภายในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม ทีวี โต๊ะอ่านหนังสือ ห้องครัว ห้องน้ำ ด้านนอกก็ยังมีห้องน้ำเพิ่มเติม ห้องซักผ้า ห้องครัวส่วนกลาง ห้องอาหาร รวมถึงห้องล็อบบี้ ซึ่งเป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับนักเรียนจะใช้ทำอะไรก็ได้ ด้านหน้าก็มีป้ายชื่อของแต่ละคน ถ้าใครไม่อยู่ก็เอาป้ายชื่อออกให้ผู้ดูแลหอทราบว่าอยู่หอหรือไม่
อยากแอบกระซิบบอกว่าค่าหอรวมอาหารด้วยนั้นไม่แพงเลย นอกจากนั้นรัฐบาลของที่นี่ก็ช่วยออกค่าใช้จ่ายถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่เราเคยคิดแล้ว ส่วนเรื่องของผลการเรียนก็รับรองได้ เพราะที่นี่เขาบอกว่ามีนักเรียนกว่า 1,800 คนที่เคยเรียนที่นี่ แถมมีนักเรียน
จำนวนมากที่สามารถสอบผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ยากที่สุดเลยทีเดียว
นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ฮิกาชิคาวายังถือว่าเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ที่โรงเรียนมีอาร์ต แกลอรีที่รวมเอาศิลปะหลายๆ อย่างที่โดดเด่นของฮอกไกโด อย่างเรื่องของงานไม้ งานเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพ และด้วยภูมิประเทศที่มีความสวยงามทำให้ที่นี่เป็นเมืองของการถ่ายภาพ มีการแข่งขันการถ่ายภาพจากนักเรียนม.ปลายจากทั่วประเทศ มีแกลอรีที่แสดงภาพถ่ายผลงานของนักเรียนเอาไว้ ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับการจัดอย่างต่อเนื่องด้วย
เป็นอย่างไรล่ะ! มาเล่ากันแบบนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีความฝันอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่นน่าจะไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว นอกจากนี้อย่างที่เรารู้กันดีว่าเรื่องของการเรียนภาษานั้น ถ้าอยากให้ได้ผลดี การฝึกฝนและหมั่นใช้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และนั่นคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เรียนภาษาที่เมืองเจ้าของภาษาเอง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราเองก็อยากจะกลับไปทำความฝันให้เป็นจริงอยู่เหมือนกัน เพราะญี่ปุ่นมีมนต์เสน่ห์จริงๆ
ติดตาม Sanook! Campus