"รักต้องมาก่อน..." จุดกำเนิดฝัน..ที่น่าเอาอย่าง จาก มิ้น Blue Dye Cafe
ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสการเปิดร้านกาแฟกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงง่ายๆ ดังนั้นจึงมีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย ที่อยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ให้กับสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน ฉะนั้นวันนี้ Sanook! Campus ก็เลยถือโอกาสพาไปพูดคุยกับเจ้าของร้านที่ควบตำแหน่งบาริสต้าสาวแสนสวยประจำร้านกับ คุณมิ้น วรามล ชุนชาติประเสริฐ เจ้าของร้านกาแฟดีไซน์เก๋ Blue Dye Cafe ที่จะมาให้ข้อแนะนำสำหรับน้องๆ ที่อยากมีร้านกาแฟหรือคาเฟ่กันค่ะ
กระแสความอยากเปิดร้านกาแฟเยอะมาก อยากให้แนะนำสำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้น
มิ้นคิดว่าอย่างคาเฟ่ ความเข้าใจของคนทั่วไปจะคิดว่าเป็นร้านที่มีเค้ก มีอาหาร มีเครื่องดื่ม เป็นที่เอาไว้นั่งชิล ความเข้าใจแบบนั้นไม่ผิดค่ะ แต่มิ้นคิดว่ามันมีอะไรที่ลึกมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่มีเค้ก มีขนมแล้วเราจะอยู่ได้ไปตลอด ถ้ามองให้ลึกลงไป มิ้นว่าทุกร้านควรจะมีจุดเด่นของตัวเอง คือรู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหนในตลาดนี้ ต้องรู้ว่าลูกค้าของเราเป็นกลุ่มไหน ถ้าตีโจทย์ตรงนี้แตกไม่ว่าร้านจะอยู่ตรงไหนก็ขายได้ค่ะ
แล้วเรื่องอายุนี่เกี่ยวไหมคะ ว่าควรจะเริ่มต้นตอนอายุเท่าไหร่
ในแง่อายุมิ้นว่าอายุไม่สำคัญเท่าประสบการณ์ค่ะ ควรที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ถึงจุดหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาทำอะไรเป็นของตัวเอง มิ้นว่าวัยรุ่นสมัยนี้ก็ดูมีประสบการณ์ ดูใช้ชีวิตกันเร็วขึ้น แต่มิ้นมองว่าการค้นหาตัวเองให้เจอเร็วมากเท่าไหร่มันก็เป็นข้อดีมากเท่านั้น
ความรู้พื้นฐานก็ต้องมีบ้างใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ สำหรับมิ้นเรียนทางดนตรี ศิลปะมา แต่ลึกๆแล้วมิ้นรู้ตัวว่าตัวเองชอบงานบริการซึ่งคาเฟ่ก็ตอบโจทย์ อีกอย่างคือพอเราได้ไปอยู่กับคนที่สนใจในเรื่องคาเฟ่แบบสุดๆ เราก็ได้รู้ว่ากาแฟไม่ใช่แค่กาแฟนะ มันมีอะไรมากกว่านั้น เหมือนได้เปิดโลกใหม่ให้กับเรา แล้วเรารู้สึกว่าอยากทำสิ่งนั้นให้คนทั่วไปได้เห็นเหมือนกับเราบ้าง
เรื่องของต้นทุนก็สำคัญใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ ง่ายๆคือ ถ้าต้นทุนชีวิตดีก็ได้เปรียบ ซึ่งเขาก็ไม่ผิด ถ้าต้นทุนดี มีความรู้ และรู้จักตัวเองยังไงก็สบายกว่า แต่มิ้นก็มองว่าต้นทุนก็สำคัญ แต่สุดท้ายเราก็ต้องขวนขวายด้วยตัวเองด้วย ตอนทำร้านมิ้นก็ไม่ได้ขอทางบ้านอีกแล้ว เพราะเมื่อเรารู้ตัวเองมันก็จะมีหนทางการหาเงินเข้ามาเองค่ะ
สิ่งที่ได้จากการทำคาเฟ่มีอะไรบ้างคะ
มิ้นว่ามันคือการสร้างอาชีพของตัวเองค่ะ เราได้อาชีพ ได้เวลาของเราเอง ได้จัดการทุกอย่างด้วยตัวเราเอง มันเหมือนเราสร้างบริษัทมาหนึ่งมาบริษัท มันก็รู้สึกดีค่ะ
รายได้โอเคไหมคะ
ต้องบอกว่าคาเฟ่รายได้น้อย แต่ถ้าถามมันโอเคไหม มันโอเคค่ะ มันเลี้ยงตัวเองเราได้เงินหมุนจากมัน แล้วมิ้นก็ทำงานเซรามิกด้วย เพราะฉะนั้นรายได้ของมิ้นจะมาจากสองทางค่ะ
คิดว่าในอนาคตโดยรวมของอาชีพของคาเฟ่ หรือบาริสต้าจะไปได้ไกลไหมคะ
คิดว่าไปได้ไกลค่ะ แต่บ้านเราตอนนี้ยังล้าหลังจากออสเตรเลียอะไรแบบนี้ ด้วยความที่เราเพิ่งจะมาเริ่ม ถ้าให้เทียบตอนนี้คือ Third wave เวฟที่หนึ่งของเราคือกาแฟโชว์ห่วยอย่างชาชัก กาแฟอาแปะ ส่วนเวฟที่สองคืออย่างร้านสตาร์บัค หรือทรูคอฟฟี่ ส่วนตอนนี้คือเวฟสาม ซึ่งบ้านเขามีมานานมาก บ้านเราเพิ่งมาบูมในช่วง 3-4 ปี มันเพิ่งจะมาเป็นเทรน มีคนเปิดเยอะก็จริงแต่เปิดแล้วมีคุณภาพมีกี่ร้านก็ต้องมาดูอีกทีค่ะ
ฝากอะไรถึงคนที่อยากจะทำร้านกาแฟ
"สิ่งแรกเราต้องรักและศึกษามันให้ดีๆ" มิ้นว่าผู้บริโภคฉลาดเลือกในการเสพ เมื่อเขาเลือกที่จะเสพอะไรก็จะรู้ลึก เมื่อเขารู้ลึกแล้วมันก็จะมีลึกอีก เขามีข้อมูลในการกิน ไม่ใช่กินแล้วก็จ่ายไป มันก็เหมือนเรา เราโตขึ้นลูกค้าก็โตขึ้น เพราะฉะนั้นมิ้นมองว่าถ้าอยากอยู่ให้ยั่งยืน เราก็ต้องศึกษาให้ดีๆ รู้ว่าจุดยืนของเราเป็นอะไร แล้วก็ทำให้ออกมาดีๆค่ะ