ต้นกำเนิด "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" เพื่อนยามยากช่วงใกล้สิ้นเดือน

ต้นกำเนิด "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" เพื่อนยามยากช่วงใกล้สิ้นเดือน

ต้นกำเนิด "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" เพื่อนยามยากช่วงใกล้สิ้นเดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อพูดถึง “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “มาม่า” คงจะเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยโดยเฉพาะช่วงสิ้นเดือนนี่อาจจะเป็นอาหารหลักของใครหลายๆคน หรือ จะเป็นอาหารมื้อดึกของชาวเด็กหอทั้งหลาย เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่ง่ายและอยู่กับคนไทยมาตลอด แล้วทุกคนรู้ไหมคะว่าที่มาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่มาจากไหน?

istockphoto

ผู้ที่คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็คือ “โมโมฟุคุ อันโด” ชายชาวญี่ปุ่นและยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท นิชชิน ที่เป็นหนึ่งในบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดฮิตในปัจจุบันนั่นเอง เริ่มต้นจากปี 2501 ประเทศญี่ปุ่นผ่านการแพ้สงครามโลก ทำให้อาหารและข้าวของต่างๆมีราคาแพง นายอันโดจริงคิดค้นการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง

istockphoto

จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสแรกของโลกก็คือ “ชิกิ้น ราเมน” เป็นการเอาเส้นราเมนที่ผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่ นำมาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อขจัดความชื้น ทำให้สามารถเก็บไว้ในระยะยาวได้ และเมื่อต้องการทานก็แค่เติมน้ำร้อนเท่านั้น นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จครั้งสำคัญของนายอันโดเลยทีเดียว ปัจจุบันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรส “ชิกิ้น ราเมน” ก็ยังคงเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วไป

istockphoto

หลังจากนั้นก็มีบริษัทผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกิดขึ้นมากมายทั้งใน อเมริกา จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้และ ไทย เป็นต้น โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2514-2515 ซึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อแรกคือ “ซันวา” ซึ่งนำต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่นที่ต้องต้มก่อนกิน หลังจากนั้นก็มียี่ห้อ ยำยำ ไวไว มาม่า ที่ตามมาหากแต่นำต้นแบบมาจากประเทศไต้หวันที่เพียงแค่เติมน้ำร้อนก็สามารถทานได้ทันที

istockphoto

ด้วยความที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่ทำให้สามารถอิ่มท้องในระดับหนึ่ง มีรสชาติหลากหลาย และราคาถูก อีกทั้งผู้ผลิตยังคอยคิดค้นรสชาติแปลกใหม่ออกมาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสาหร่ายแห้ง หรือ กุ้งแห้งเข้าไปด้วย ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสิ่งที่หลายคนเลือกที่จะทานบ่อยๆ

แต่ว่าถ้าทานมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่ายกายเช่นกันเพราะมีโซเดียมสูงอีกทั้งยังมีแคลเลอรี่สูงอีกด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูงได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานแต่พอดี ไม่บ่อยจนเกินไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook