"คอสเพลย์" โลกแห่งความคิดสร้างสรรค์...ที่ถูกส่งมาจากโลก Anime
ทุกคนเคยได้ยินคำว่า “คอสเพลย์” ไหมคะ หลายคนอาจจะคุ้นๆหูกันอยู่บ้าง หรือบางคนอาจจะคุ้นเคยกันอย่างดีเลยทีเดียว
ซึ่งวันนี้เราจะมาเอาใจสายญี่ปุ่นกันสักหน่อย เพราะประเทศ “ญี่ปุ่น” ถือว่าเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์และมีจุดเด่นหลายอย่าง น่าเรียนรู้มากทีเดียว อีกทั้งยังไม่ไกลจากประเทศไทยมากเท่าไหร่ด้วย
คอสเพลย์ หรือ Cosplay มาจากการผสมคำภาษาอังกฤษคือ Costume + Play ถูกใช้ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ในนิตยสาร My Anime เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยโนบุยุกิ ทากาฮาชิ ซึ่งถ้าแปลแบบตรงตัวจะหมายถึงการเล่นเสื้อผ้า อาจจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่ถ้าเปลี่ยนเป็น “การแต่งกายเลียนแบบ” หลายคนอาจจะร้องอ๋ออ… เลยทีเดียว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่แต่งตัวให้เหมือน แต่ทั้งหน้าและทรงผม อุปกรณ์ต่างๆก็ต้องทำให้มีความเหมือนต้นฉบับให้มากที่สุดเช่นกัน
โดยการแต่งคอสเพลย์ในตอนแรกจะนิยมแต่งจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น หรือ อนิเมชั่นญี่ปุ่น โดยแต่ละคนจะเลือกแต่งตามตัวละครที่ชอบ ซึ่งตัวละครสุดฮิตที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็ยังมีคนแต่งคอสเพลย์ตามก็คือ มิคุ จากเรื่อง Vocaloid
หากแต่ปัจจุบันวงการคอสเพลย์ได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามยุคสมัย ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การคอสเพลย์เกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างเดียวแต่ยังขยายไปถึงการคอสเพลย์ตัวละครในเกม หนังสือ หรือแม้กระทั้งตัวละครจากภาพยนตร์ ก็มีคนเริ่มที่จะคอสเพลย์แล้วเช่นกัน
แล้วการคอสเพลย์มันมีประโยชน์อะไรบ้างละ นอกจากได้แต่งตัวตามตัวละครที่ชอบและก็ไปถ่ายรูปก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่จริงๆแล้วทุกอย่างมันมีประโยชน์อยู่ในตัวของตัวเอง การคอสเพลย์ก็เช่นกัน
1. ได้เรียนรู้การตัดชุด
ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการคอสเพลย์คือแต่ละคนจะได้เรียนรู้ วิธีการตัดชุด ไม่มากก็น้อย เพราะชุดของตัวละครนั้นจะไม่เหมือนชุดที่เราใส่ทั่วๆไป บางชุดอาจจะมีความซับซ้อน ซึ่งจะไม่ผลิตออกมาขาย แต่ถ้าไปเช่าร้านก็คงจะแพง หลายคนจึงเลือกที่จะเรียนรู้วิธีการตัดชุดด้วยตัวเอง อาจจะเริ่มจากชุดที่ง่ายๆก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มไปชุดที่ยากขึ้น ขอยกตัวอย่างคนที่ตัดชุดใส่เองได้จากการชอบคอสเพลย์อย่าง “เฌอปราง BNK48” ที่เรียนรู้การตัดชุดจากเพื่อนของคุณยาย
2. รู้จักอดออมเงิน
การที่จะแต่งคอสเพลย์ออกมาให้เหมือนนั้นแน่นอนว่าต้องใช้ทุนทรัพย์ที่มากพอสมควร เพราะถ้าตัดชุดเองไม่ได้ก็ต้องไปสั่งตัดหรือเช่าชุดมา ไหนจะเรื่องวิกผม และเครื่องสำอาง เพราะแบบนี้แหละการเก็บเงินและรู้จักบริหารการใช้เงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ บางคนอาจจะทำงานพิเศษ หรือเก็บออมจากเงินที่ได้จากครอบครัว แค่นี้ก็ทำให้เรารู้จักการวางแผนและคุณค่าของเงินมากขึ้นแล้ว
3. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พบปะเพื่อนฝูง
คงจะเป็นข้อดีที่อาจจะเฉพาะเจาะจงไปหน่อย เพราะการใช้เวลาว่างของแต่ละคนแตกต่างกันและประโยชน์ที่ได้รับก็จะแตกต่างกันด้วย การคอสเพลย์ก็เช่นกัน ข้อดีของการคอสเพลย์จะทำให้เราได้รู้จักเพื่อนที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน ได้คุยกับคนที่ดูสิ่งเดียวกันกับเรา แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขแล้ว อย่างน้องเฌอปราง และ มิวสิค BNk48 ก็รู้จักกันเพราะคอสเพลย์มาเหมือนกันนะ
4. รู้จักวิธีการดูแลตัวเอง
เพราะการคอสเพลย์ก็จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เหมือนอย่างที่สุด สิ่งที่ทุกคนอาจจะสังเกตได้คือ ผู้หญิงที่คอสเพลย์มักจะแต่งหน้าเก่ง มีเทคนิคแปลกๆและมีวิธีการดูแลตัวเองทั้งผิวพรรณและผิวหน้าอย่างละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้เป็นอย่างดีเลยแหละ
5. มีความกล้าแสดงออก เพิ่มความมั่นใจ
ด้วยการที่ต้องจัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้าและต้องโชว์ตัวตามงานคอสเพลย์ต่างๆ ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะต้องแต่งตัวให้เหมือนแล้ว บุคลิกการแสดงออกก็ต้องให้เหมือนตัวละครนั้นมากที่สุด เรียกได้ว่าสวมบทบาทตั้งแต่ข้างในจนถึงข้างนอกเลยทีเดียว
เห็นไหมคะว่าการคอสเพลย์มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่หรือแตกต่างอะไรมากมาย แถมยังทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆอีกด้วย เอาละ! Sanook! Campus จะขอลาไปด้วย 2 สาวจากวง BNK 48 น้องเฌอปรางและน้องมิวสิค ที่เคยมีงานอดิเรกเป็นการคอสเพลย์มาก่อน ไปดูกันเลยค่ะ
เฌอปราง BNK48
มิวสิค BNK48
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ