มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ 'หลุดอันดับโลก' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
ใครที่กำลังมองหามหาวิทยาลัยดีๆ ในการศึกษาต่อ ต้องติดตามการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำกันแทบทุกปี ล่าสุดทาง Wall Street Journal นำเสนอการจัดอันดับ 2018 Times Higher Education World University Ranking ของนิตยสาร Times เปิดเผยว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ ครองอันดับ 1 และอันดับ 2 แทนที่จะเป็นสหรัฐฯ เหมือนแต่ก่อน
โดย University of Oxford และ University of Cambridge ครองอันดับ 1 และ 2 ขณะที่ California Institute of Technology และ Stanford University กอดคอกันที่อันดับ 3 ร่วม MIT อยู่ในอันดับ 5 Harvard University อยู่ที่อันดับ 6 Princeton University อยู่ที่อันดับ 7 Imperial College London อยู่ในอันดับ 8 University of Chicago อยู่ที่อันดับ 9 และอันดับ 10 ร่วม ตกเป็นของ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก และ University of Pennsylvania
ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกของนิตยสาร Times นี้ ยังพบว่า มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ร่วงจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 200 อันดับแรกของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมีมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ เพียง 62 แห่งที่อยู่ใน 200 อันดับแรก ลดลงจากเมื่อ 4 ปีก่อน ที่มีมากถึง 77 แห่ง
ที่น่าสนใจคือ มหาวิทยาลัยของจีน เข้าสู่ 200 มหาวิทยาลัยชั้นนำโลกเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน จากเดิมที่มีมหาวิทยาลัย 2 แห่งที่ติดอันดับ ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 7 แห่ง
โดย มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และ มหาวิทยาลัยชิงหวา คว้าอันดับ 27 และ 30 โลก ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่า Georgia Institute of Technology และ Brown University ที่เป็น Ivy League ที่เก่าแก่ของสหรัฐฯ เสียอีก
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการทุ่มงบประมาณเพื่อจัดทำหลักสูตรภาษาอังกฤษ เพื่อดึงดูดนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น และการอัดงบประมาณเพื่อการวิจัย ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลจีนเปิดเผยว่ามีนักศึกษาต่างชาติ 4 แสน 4 หมื่นคนที่ศึกษาต่อในประเทศจีน และนักศึกษาต่างชาติกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มาจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 35% จากช่วง 5 ปีที่แล้ว
Phil Baty บรรณาธิการฝ่ายการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก บอกถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การจัดอันดับนี้ยังสะท้อนว่ามหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญ แต่ก็มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า มหาวิทยาลัยต่างชาติ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฝั่งเอเชีย ก็เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
คุณสมบัติในการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ตามการจัดอันดับของ Times พิจารณาจากการกล่าวถึงหรืออ้างถึงมหาวิทยาลัย การตีพิมพ์งานวิจัย งบประมาณสำหรับการวิจัยของมหาวิทยาลัยนั้นๆ รวมถึงการจัดหลักสูตรที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักมากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็มีผลต่อการจัดอันดับ ทั้งนโยบายห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิมเข้าประเทศ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำให้ความต้องการหรือสนใจเข้ามหาวิทยาลัยอเมริกันลดลง