รู้ไว้ใช่ว่า กว่าจะได้ชื่อว่าเป็น “หมอ” ไม่ใช่เรื่องง่าย!
จากกรณีที่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชั้นปีที่ 6 ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเจตนาฆ่าสุนัขของตัวเองโดยมีการวางแผนมาอย่างดี เพื่อหวังเรียกเงินประกันกับบริษัทที่รับขนส่งสุนัข ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมในวงกว้างถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมในการเป็นแพทย์ของนักศึกษารายนี้ เพราะหากปล่อยให้ประกอบวิชาชีพดังกล่าว ก็อาจนำไปสู่เหตุสะเทือนขวัญได้ในอนาคต เนื่องจากมีจิตใจที่ไร้เมตตาธรรม ขัดกับวิชาชีพแพทย์
อย่างไรก็ตาม การจะประกอบวิชาชีพแพทย์ได้นั้น นอกจากความรู้ทางวิชาการแล้ว จำเป็นต้องมีคุณสมบัติสำคัญในการคัดเลือกเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วย นั่นคือต้องไม่มีปัญหาสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพแพทย์
สำหรับสภาพจิตใจนั้น มีคุณสมบัติกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องไม่มีปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งโรคจิต, โรคอารมณ์ผิดปกติ, โรคประสาทรุนแรง, โรคบุคลิกภาพผิดปกติ รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้
นอกจากนี้ การเป็นแพทย์ใช่ว่าสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตแล้วจะมีสถานะเป็นหมอได้ทันที เพราะหากต้องการประกอบอาชีพนี้ ก็จำเป็นต้องผ่านการสอบเพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ได้เสียก่อน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทั้ง ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน, ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก รวมถึงทักษะและหัตถการทางคลินิก
แต่การจะสมัครเพื่อสอบรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็ต้องมีคุณสมบัติตามที่แพทยสภาระบุไว้เช่นกัน นั่นคือ เป็นผู้ที่กำลังศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในสถาบันการศึกษาในประเทศไทยหรือในต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง, เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและได้รับปริญญาบัตรจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่แพทยสภารับรอง หรือเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและได้รับปริญญาบัตรจากสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง
ด้วยเหตุนี้ การเป็นแพทย์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และหากมีความผิดก็มีสิทธิ์ถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยจากสถิติของสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีแพทย์ที่อยู่ในฐานข้อมูลและยังมีชีวิตอยู่รวมทั้งสิ้น 53,190 คน แต่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตไป 18 คน
ดังนั้น ในกรณีนักศึกษาแพทย์ที่ก่อเหตุ ซึ่งสังคมมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเหมาะสมในการประกอบวิชาชีพแพทย์นั้น ยังต้องผ่านอีกหลายด่านกว่าจะก้าวไปเป็นนายแพทย์ได้ในอนาคต ซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า ตัวนักศึกษามีปัญหาทางด้านจิตใจอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการรับการรักษา รวมถึงพักการเรียนมาแล้วหลายครั้ง
นอกจากนี้ นักศึกษารายนี้ยังถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางจริยธรรม วินัย และจรรยาบรรณ รวมถึงถูกแจ้งความดำเนินคดีความทางอาญาด้วย ซึ่งศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยืนยันชัดเจนว่า
“อยากให้สังคมมีความมั่นใจว่า ก่อนจะให้นักศึกษาแพทย์จบออกไป เราต้องมั่นใจว่าเขาจะเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคต หากมีโอกาสเสี่ยงจะต้องพิจารณาอย่างละเอียด ซึ่งทางคณะจะไม่มีทางปล่อยให้จบไปจนก่อเรื่องในภายหลังแน่นอน”