เลิกเหอะเพื่อน! 10 วิธีการรับน้องที่ควรจะหมดไปจากสังคมไทยได้แล้ว!!!

เลิกเหอะเพื่อน! 10 วิธีการรับน้องที่ควรจะหมดไปจากสังคมไทยได้แล้ว!!!

เลิกเหอะเพื่อน! 10 วิธีการรับน้องที่ควรจะหมดไปจากสังคมไทยได้แล้ว!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อการ "รับน้อง" กลายเป็น "วัฒนธรรม" ของเด็กมหา'ลัย ทำให้ใครที่ลุกมาต่อต้านนั้นกลายเป็นผิดแปลก ที่แย่กว่านั้นคือมีคนกลุ่มหนึ่ง "เชื่อ" เหลือเกินว่าการจัดกิจกรรมรับน้องนี้มีประโยชน์ไม่ว่าจะรุนแรงไม่มีเหตุผล สิ้นเปลืองเวลา หรือทำร้ายทั้งทางจิตใจและร่างกายของผู้อื่นแค่ไหน พวกเขาก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไร แม้แต่คนอื่นในสังคมก็เถอะครับ จนกว่าจะมีคนบาดเจ็บหรือตายไปค่อยมาตระหนักว่านี่คือ "ความรุนแรง" ที่ถูกมองข้ามไป กลายเป็นความชินชาและเรื่องปกติไปอย่างสนิทใจ เฮ้ออออ!!! น่าเห็นใจนะครับ สังคมเรา

#10 อมกล้วย
สาบานสิว่าถ้าให้กินหรืออมกล้ายนี่ไม่ได้ส่อเสียดมีนัยยะทางเพศใดๆ ไม่เชื่อ! ใครๆ ก็รู้ว่ากล้วยนั้นแทนอวัยวะเพศชาย และการบังคับขู่เข็ญแบบนี้มันเข้าข่ายการคุกคามทางเทศหรือไม่ครับ คิดถึงสภาพจิตใจคนอื่นบ้าง เอาจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นว่ากิจกรรมกินกล้วยนั้นมีประโยชน์อะไร แถมยังสะท้อนความต่ำตมไร้สำนึกของคนคิดด้วย เอาเป็นว่าถ้ามีใครบังคับก็บอกไปว่า ไม่หิว!

#9 ป้ายชื่อ
เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงทางกายนะครับ แต่มันยิ่งตอกย้ำว่านิสัย 'ยอมตาม' ของคนจำนวนมาก อาจเป็น 'วัฒนธรรม' ไปซะงั้น ทั้งที่อาจจะมีคนไม่เต็มใจ ไม่พอใจการห้อยป้ายนี้อยู่มาก แล้วการมีป้ายคล้องอยู่ที่คอเนี่ย แม้ไม่ใช่ความรุนแรง แต่ยังไงมันก็เป็นการควบคุมบังคับที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจของคนคุม (หรือในที่นี้ก็คือรุ่นพี่ทั้งหลาย) ดังนั้น อย่าปล่อยให้สิทธิเสรีภาพของตัวเองถูกครอบไว้ อย่าชินนะครับ ถ้าเกิดมาแล้วไม่มีปัญญาจำชื่อกัน ก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้วฮะ

#8 เข้าห้องเชียร์
เป็นความทรมานของเด็กไทยจริงๆ ที่สมัยมัธยมก็ต้องร้องเพลง, เต้นแอโรบิก, เรียนลูกเสือ และกิจกรรมไร้ประโยชน์มากมาย เข้ามหาวิทยาลัยยังต้องมานั่งตัวเกร็งในห้องเชียร์ร้องเพลงปลุกใจให้รักกัน ทำเพื่ออะไร? เชื่อเหรอว่าความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์เพราะการถูกบังคับ? คนจะสนิทกันต้องลำบากไปด้วยกันเท่านั้นเหรอ? สิ่งที่เชื่อกันมานานไม่ได้แปลว่าถูก และการเป็น 'รุ่นพี่' ไม่ได้เพิ่มสิทธิ์ที่จะไปตะโกนว้ากๆๆๆ ใส่คนอื่นนะครับ

#7 นอนกลางดิน
คนเราเกิดมาไม่มีใครอยากไปนอนกลิ้งๆ บนดินสกปรกหรือให้หินให้กรวดมันบาดหรอกครับ ทำไมเราต้องฝึกให้รู้จักความลำบาก เดี๋ยวมันมาถึงจริงๆ เราก็รู้จักมันเองนั่นแหละ มันไม่มีใครอยากเอาตัวเองไปลำบากหรอกครับ แม้แต่คุณ!

#6 กินกลางทราย
ไอ้การเอาของกินเละๆ มาขยำๆ รวมกันเนี่ยเป็นกิจกรรมที่อยากด่าคนคิด มันไม่มีความคิดสร้างสรรค์ทางอื่นแล้วใช่มั้ย? แล้วแปลกที่มันก็ต้องมีทุกปี ลองคิดดูสิว่ากินเข้าไปแล้วมันจะไปทำร้ายร่างกายภายในส่วนไหนบ้าง ไม่ตายไม่ได้แปลว่าไม่เป็นอะไรนะครับ ความบันเทิงที่เกิดจากความทุกข์ทรมานของคนอื่นนี่มันแล้วแต่คนจริงๆ

#5 ภารกิจโง่ๆ
การทำภารกิจและส่งภารกิจให้รุ่นพี่นั้นอาจจะฟังดูไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วมันเป็นการทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นะครับ ทำไมจะต้องไปเต้นแร้งเต้นกาให้ใครก็ไม่รู้ดู หรือต้องมาตะโกนแหกปากหน้าคณะกลางแดด ฯลฯ ถ้าเลิกใช้คำว่าสามัคคีมาอ้าง มองหาข้อดีไม่มีเลยครับ เสียเวลาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่คิดหรือว่าคนอื่นเค้าก็อยากจะไปทำอะไรที่เค้าอยากทำ

#4 ทำท่าทางสื่อไปในทางอนาจาร
เรื่องเพศมันเป็นเรื่องธรรมดาครับเราเข้าใจ แต่ลองทบทวนเจตนาดูหน่อยว่าให้รุ่นน้องไปเต้น ไปทำท่าทางแปลกๆ ที่ไม่ควรทำ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการ 'รุม' ใครก็ไม่รู้มากมายมายืนหัวเราะ ยืนมอง บางคนไม่ได้เต็มใจหรือสนุกไปกับคุณหรอกครับ บอกเลยว่ายิ่งเราหัวเราะไปกับเรื่องแบบนี้ได้มากเท่าไหร่ต่อมการตะหนักรู้เรื่องการกระทำรุนแรงทางเพศนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ ครับ อย่าบังคับคนอื่นเลย

#3 ความรุนแรงใดๆ
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่จะทำให้ความรุนแรงนั้นกลายเป็นความชินชาไป มันอาจจะเป็นเพราะคนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าการกระทำแรงๆ (หรือถ้าโจร ผู้ร้าย ฯลฯ ทำเรียกทำร้ายร่างกาย) จะสร้างบรรยากาศให้สนุกกว่าเดิม หรือมากกว่านั้นนี่คือหนทางแสดงอำนาจที่เค้ามีเหนือคนที่ถูกแกล้งนั่นเอง ดังนั้น ใครจะเชื่อก็ได้แต่เราอย่าเชื่อนะครับ ยอมครั้งเดียวคือต้องยอมเค้าตลอดไปนะครับจำไว้ อยู่ในสังคมที่ความรุนแรงใดๆ ที่สามารถกลายเป็นเรื่องตลกได้เนี่ยมันก็จะแปลกๆ

#2 สะพาน
เห็นบ่อยๆ กับการให้รุ่นน้องเอาแขนมาสานกันเป็นสะพานแล้วให้เพื่อนหรือรุ่นพี่เดิน หรือไม่ก็นอนก่ายกันไปเป็นทางให้เพื่อนกลิ้งทับไปเรื่อยๆ น่าแปลกที่ร่างกายของเราที่ดูแลมาอย่างดีกลับต้องเอาไปให้ใครก็ไม่รู้มาเหยียบ มาวิ่งบนตัว แถมทำให้แขนให้ขาตัวเองปวด!? คือการฝึกวันเดียวนี่จะทำให้เราไปเป็นรั้วของชาติได้เลยมั้ย มันไม่ใช่ซะหน่อยฮะ ตับม้ามแตกก็เยอะ แขนขาก็มีโอกาสหัก มีแต่เสียกับเสีย

#1 สวัสดีโซตัส
บอกก่อนเลยว่า คนไทยเหมือนกันครับ ไหว้ได้ และรู้จักการไหว้ดี เพียงแต่ 'การบังคับ' ให้รุ่นน้องต้องไหว้รุ่นพี่เนี่ยมันเป็นวัฒนธรรมเพื่อสนองตัณหาเฉพาะกลุ่มเกินไปมั้ย? เข้าใจครับว่าอาจมีรุ่นพี่บางคนอยากมีตัวตน แต่สุดท้ายมันก็เรื่องสิทธิเสรีภาพอันเท่าเทียมแหละครับ ที่ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปบังคับใครทั้งนั้น อย่าอ้างเรื่องสังคมเด็กเคารพผู้ใหญ่เลยครับ คนเรามีสิทธิ์ไม่ยอมรับ 'วัฒนธรรม' ครับ มันไม่ใช่ 'กฎหมาย' ที่ต้องปฏิบัติตามนะครับผมว่า บางคนเค้าอาจจะไม่ได้อิน ดังนั้น ไม่ต้องไปฝึกมารยาทให้ใครจะดีกว่า เชื่อว่าคนทุกคนรู้จักการไหว้ครับ แต่เค้าคงอยากจะเลือกเองว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร

สุดท้าย บอกได้แต่ว่าสิ่งที่ "ใครๆ ก็ทำกัน" เนี่ยไม่ได้แปลว่ามันจะถูกนะครับ คนที่กำลังจะยอมทำตามก็คิดด้วยครับ สังคมมันจะได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ดีขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook