เปรียบเทียบ "ชีวิตมหาวิทยาลัย" และ "ชีวิตวัยทำงาน" แบบไหนสนุกกว่ากัน

ใครหลายๆคนเคยถกเถียงกันระหว่างการทำงาน และ การเรียน ว่าแบบไหนดีกว่ากัน สบายกว่ากัน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าหลายๆคนที่เรียนอยู่ก็อยากที่จะเรียนให้จบเร็วๆเพื่อไปใช้ชีวิตอิสระจากการทำงาน ส่วนคนที่ทำงานก็อยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตในวัยเรียน ที่ไม่ต้องรับภาระอะไรมากมาย

วันนี้ Sanook! Campus จะพาไปดูว่าชีวิตวัยเรียน และ ชีวิตวัยทำงาน ว่าแบบไหนจะดีกว่ากันเพื่อที่จะให้ได้เปรียบเทียบกันชัดๆไปเลย

วัยทำงานจะทำให้รู้คุณค่าของเงินมากกว่าตอนเรียน

แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าเราได้ทำงาน เงินที่เราได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เชื่อได้เลยว่าเราจะไม่กล้าใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายอีกต่อไป ต้องมีการวางแผนทางด้านการใช้เงินให้มากไม่งั้นอาจจะไม่พอใช้จ่ายต่อเดือน ไหนจะเก็บเงิน ไหนจะค่านั่นค่านี่ ทำงานแล้วใครยังอยากจะขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่หละจริงไหม ทำให้เราเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้นไปโดยปริยาย

วัยเรียนมีเวลาทำกิจกรรมมากกว่า

การทำงานนั้นเราแถบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลยแน่ๆ เพราะความรับผิดชอบที่มากขึ้น ซึ่งทำให้ วัยเรียนนั้นหลังจากการเรียนเสร็จเราสามารถทำอะไรได้อีกหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเดินห้าง หรือไปกินข้าวกับเพื่อนๆ นอนพักผ่อนอยู่บ้านสบายๆในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงาน อยากไปไหนก็มีเวลาไปได้มากกว่าวัยทำงานเป็นไหนๆ

ความรับผิดชอบที่มากขึ้นในการทำงาน

ตอนเรียนว่ารับผิดชอบหนักแล้ว ตอนทำงานต้องรับผิดชอบหนักกว่าหลายเท่าไม่ใช่เพียงแต่ในเรื่องของงานที่เราทำเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่นๆเช่นปากท้อง ค่าใช้จ่ายที่ตามมาอย่างสารพัด

การทำงานทำให้พบปะผู้คนอย่างกว้างขวาง

การทำงานทำให้เราเจอผู้คนอย่างกว้างขวางขึ้น สามารถสร้างคอนแทค สร้างหนทางให้แก่ตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างจากการเรียนที่เจอคนที่ชอบเหมือนกันทำอะไรคล้ายๆกัน แต่วัยทำงานจะเจอคนหลายรูปแบบ ความคิดต่าง แนวทางต่างกัน

การแข่งขันที่สูงขึ้นของวัยทำงาน

การแข่งชันชองวัยทำงานนั้นเรียกว่าหินสุดๆ กว่าที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยตัวเอง มันยากกว่าการอ่านหนังสือและทำข้อสอบกว่าเป็นไหนๆ เพราะการทำงานต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาอ่านได้ตามหนังสือทั่วไป แถมยังต้องแข่งขันกับตัวเองอีกเรียกได้ว่าหินเลยทีเดียว

มหาลัยมีปิดเทอมทำงานแล้วไม่มีปิดเทอม

ชีวิตวัยทำงานไม่เคยมีวันปิดเทอม หรือ หยุดยาวอย่างแน่นอนซึ่งทั้งปี เราต้องทำงาน ไม่มีเวลาที่จะมานั่งพักสัก 1 หรือ 2 เดือนแบบตอนเรียนได้อีกแล้ว จะลางานยังยากเลยต้องมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ส่วนเรียนนั้นเราก็ยังมีแอบบอู้ แอบโดดเรียนกันได้

ไม่สามารถเลือกเจ้านายได้เหมือนอาจารย์

แน่นอนว่าการทำงานเราไม่สามารถที่จะมาเลือกเจ้านายได้ เราต้องเจอกับคนมากนิสัย มากความคิด เจอดีก็คือโชคดี เจอไม่ดีก็ต้องอดทนสู้กันต่อไป ไม่เหมือนกับตอนเรียนที่เราสามารถเลือกอาจารย์ที่เรารัก อาจารย์ที่ใจดี คุยกันได้มันจะไม่มีอีกต่อไป

ความเครียดในการทำงานมากกว่าเป็นไหนๆ

เรียนเครียดยังไงมันก็จะผ่านพ้นไป จบไป แต่ความเครียดในการทำงานนั้นไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไหนจะคอยทำผลงานให้ดี แก้ไขความผิดพลาด ปัญหาที่จะเกิดขึ้น เรียกได้ว่า มากันอย่างล้นหลาม

ทำงานแล้วต้องช่วยเหลือตนเอง ไม่มีเพื่อนมาคอยช่วยเหลือ

ชีวิตทำงานล้วนแต่คือการแข่งขัน คงไม่มีใครคอยมาผลักดันเรา ช่วยเหลือเราได้ตลอด แถมยังมีการแข่งขันกันเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งต่างก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดให้ได้ถึงจะเป็นผลดีที่สุด

ทำงานคือของจริง ไม่ใช่สถานการณ์จำลองเหมือนเรียน

การทำงานคือการเผชิญโลกจริง ไม่มีสถานการณ์จำลองให้ได้ลองฝึกลองทำ คือเราต้องทำงานนั้นจริงๆ ผิดพลาดก็ผิดพลาดจริงๆไม่สามารถมาแก้ไขได้หรือใครที่จะคอยสอนเราได้ทุกเรื่องนั่นเอง