นักเรียนหญิงตูนิเซียลุกฮือต้านใส่เครื่องแบบ "เหยียดเพศ"

กลุ่มนักเรียนหญิงตูนิเซียจุดกระแสลุกฮือต่อต้านการใส่เครื่องแบบ ชี้เป็นการ “เลือกปฏิบัติ” เหตุเป็นระเบียบที่บังคับใช้กับผู้หญิงเท่านั้น

ในวันหนึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายชั้นปีสุดท้ายในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ประเทศตูนิเซียถูกครูขู่ว่าจะส่งตัวกลับบ้าน หากเธอไม่ยอมสวมเครื่องแบบของโรงเรียนตามที่ระเบียบกำหนด ซึ่งส่งผลให้นักเรียนหญิงจำนวนมากหันไปพึ่งโซเชียลมีเดียเพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นต่อ “ความไม่ยุติธรรม” ดังกล่าว

โรงเรียนส่วนใหญ่ในประเทศตูนิเซียยังคงกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบอยู่ แต่ระเบียบดังกล่าวของโรงเรียนมัธยมปลายกับบังคับใช้กับเฉพาะนักเรียนหญิงเท่านั้น โดยครูมักให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นเพื่อปิดบังส่วนโค้งเว้าของร่างกายพวกเธอ ขณะที่นักเรียนชายสามารถแต่งกายอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ

เหตุการณ์ดังกล่าวให้เหล่าเด็กสาวหลายสิบคนตัดสินใจทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อ “เรียกร้องให้การเลือกปฏิบัตินี้ยุติลง” และชวนกันใส่ชุดสีขาวมาโรงเรียนแทนที่ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มตัวหลวมตามข้อกำหนดของโรงเรียน เมื่อทางโรงเรียนปฏิเสธที่จะแสดงความเคลื่อนไหวใดๆ ขบวนการนี้จึงเปลี่ยนไปเป็นการรณรงค์ที่เริ่มขยายตัวไปในหมู่ของนักเรียนหญิงมัธยมปลายทั่วประเทศ และเริ่มมีการเรียกร้องจากกลุ่มสิทธิสตรีให้หยิบยกประเด็นนี้มาถกกันในระดับชาติเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง

กระแสความขัดแย้งเกี่ยวกับเครื่องแบบนี้เริ่มก่อตัวขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ถึงแม้สังคมตูนิเซียส่วนใหญ่จะยังคงนิยมจารีตแบบเก่าอยู่ แต่มุมมองเชิงสิทธิเสรีภาพของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาหลังการปฏิวัติปี 2553 ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นจนไม่อาจนำเหตุผลเชิงอนุรักษนิยมมาหักล้างได้อย่างง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว