นิทรรศการ "ภาพกราฟฟิก" ช่วยสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับการลักลอบค้ามนุษย์
รูปภาพแนวกราฟฟิกจำนวนยี่สิบกว่าภาพ พร้อมกับคำบรรยาย ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาที่ Dupont Circle ในกรุงวอชิงตัน
รูปภาพแต่ละภาพและคำพูดประกอบจากผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆ ที่เป็นเหยื่อของการลักลอบค้ามนุษย์ทางเพศ และเป็นแรงงานทาส ท้าทายให้คนดูลองจินตนาการถึงความเลวร้ายในแต่ละวัน และความท้าทายที่เหยื่อเหล่านี้ต้องประสบ
Janine Tkach ผู้ชมนิทรรศการคนหนึ่ง กล่าวว่า รู้สึกเศร้าใจและพยายามข่มน้ำตา รูปภาพที่นำมาแสดงสร้างความสะเทือนใจ และตนเองรู้สึกขยะแขยงกับความเลวร้ายของการลักลอบค้ามนุษย์และการใช้แรงงานทาส
เธอบอกว่า งานนิทรรศการนี้ช่วยให้เธอตื่นตัวกับปัญหานี้และจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ด้วยการใส่ใจกับเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ตนเองบริโภค เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการใช้แรงงานทาสในการผลิต
ด้าน David นักท่องเที่ยวจากกรุงลอนดอน กล่าวว่า ตนเองรู้เกี่ยวกับปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์และแรงงานทาส แต่งานนิทรรศการนี้ช่วยให้เข้าใจปัญหานี้มากขึ้นกว่าเดิม เขากล่าวว่าเหยื่อของการลักลอบค้ามนุษย์นี้ถูกเอารัดเอาเปรียบเพื่อผลิตสินค้าที่มีราคาถูก
Kay Chernush ช่างภาพระดับเจ้าของรางวัล เป็นผู้สร้างผลงานนิทรรศการภาพกราฟฟิกที่ประกอบขึ้นจากภาพของเหยื่อของการลักลอบค้ามนุษย์ที่เธอได้ถ่ายเอาไว้
Kay Chernush กล่าวว่า ตนเองได้สัมผัสกับปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์ครั้งแรกผ่านการทำงานให้กับกระทรวงการต่างประเทศ ย้อนไปเมื่อปี 2005 เธอได้รับมอบหมายงานให้ไปทำงานที่ฮ่องกง มาเก๊า ประเทศไทย อินเดีย และอิตาลี เพื่อถ่ายภาพการลักลอบค้ามนุษย์และการใช้แรงงานทาสในหลายๆ รูปแบบ
ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านี้ ทำให้ Chernush หันไปทำงานร่วมกับหน่วยงานพัฒนาเอกชนที่ต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์หลายหน่วยงานในประเทศต่างๆ
งานนิทรรศการนอกสถานที่งานแรกที่ชื่อว่า “Bought and Sold” ออกแสดงในกรุงเฮกในปี 2009 และย้ายไปจัดแสดงในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศเนเธอแลนด์
Kay Chernush เจ้าของงานนิทรรศการ กล่าวว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นโครงการรณรงค์ต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์และการใช้แรงงานทาส “ArtWorks for Freedom” เธอกล่าวว่า เมื่อภาพถ่ายมีพลังในการสร้างความเข้าใจและความตื่นตัวแก่ผู้ชม และยังช่วยเหยื่อเยียวยาทางจิตใจ จึงควรมีการนำศิลปะด้านอื่นๆ มาร่วมมีบทบาทในการต่อต้านปัญหานี้ด้วย
ศิลปินคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมในโครงการรณรงค์ต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์ผ่านงานศิลป์นี้ ต่างใช้สื่อศิลปะต่างๆ ตามสาขาที่ตนเองเชี่ยวชาญ รวมทั้งการเต้นเพื่อแสดงเรื่องราวของเหยื่อที่ต้องฟันฝ่าความเจ็บปวดทรมานไปสู่การเยียวยาและฟื้นตัว
Erica Rebollar ผู้อำนวยการแห่ง Rebollar Dance กล่าวว่า ตนมองว่าศิลปะการเต้นช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความเข้าอกเข้าใจเหยื่อมากขึ้น ช่วยสร้างความรู้สึกเข้าอกเข้าใจต่อเรื่องราวของเหยื่อแต่ละราย ซึ่งเธอเชื่อว่านี่จะได้ผลทางจิตใจของผู้ชม มากกว่าการได้อ่านข้อมูลแห้งๆ เพียงอย่างเดียว
งานนิทรรศการเหล่านี้ได้จัดแสดงในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองมาแล้วในหลายส่วนของโลก และงานนิทรรศการในกรุงวอชิงตัน ยังได้นำเสนอผลงานศิลปะฝีมือของเด็กๆ ที่เป็นลูกของคนงานต่างด้าว รวมทั้งผลงานผ้าห่มฝีมือประดิษฐ์ของเหยื่อที่รอดจากการลักลอบค้ามนุษย์อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีจัดแสดงประตูสีทอง 12 บาน ที่ถูกแปรสภาพมาจากประตูไม้เก่า ที่เป็นเครื่องหมายแสดงถึงการตั้งต้นชีวิตใหม่ของเหยื่อ
Kay Chernush ศิลปินช่างภาพ กล่าวว่า เป้าหมายของโครงการ ArtWorks for Freedom คือสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับการลักลอบค้ามนุษย์ เธอบอกว่าเราจะสามารถช่วยกันกำจัดปัญหานี้ให้หมดไปได้ภายในรุ่นอายุของคนเรา และคนทุกคนล้วนมีบทบาทในการต่อต้านปัญหานี้ด้วยกันทั้งนั้น