โรงเรียนสอนหญิงยังแพร่หลายในจีน แม้ถูกวิจารณ์หนักว่าขัดหลัก "ความเท่าเทียม"
ผู้หญิงจีนจำนวนมากถูกบังคับให้เข้าอบรมในโรงเรียนสอนหญิง ซึ่งจะสอนเรื่องค่านิยมและศีลธรรมอันดีสำหรับ 'ภรรยา' และ 'ลูกสาว' แม้โรงเรียนดังกล่าวจะถูกโจมตีอย่างหนักในกลุ่มประชากรจีนรุ่นใหม่ว่าขัดต่อหลักการส่งเสริมความเท่าเทียมกันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมปี 2017 คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ที่เข้าไปเรียนและอบรม รวมถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโรงเรียนสอนหญิงแห่งหนึ่งของเมืองฝู่ชุน มณฑลเลี่ยวหนิง ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์Pear.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมคลิปวิดีโอยอดนิยมของจีน โดยคลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพกิจกรรมการอบรมด้านศีลธรรมแก่ผู้หญิง โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติต่อสามีและบุคคลที่เป็นผู้ชายในครอบครัว
ในคลิปนี้เผยให้เห็นถึงกิจวัตรประจำวันที่นักเรียนจะต้องปฏิบัติเป็นประจำตลอดระยะเวลาของการอบรม คือ การตื่นนอนตั้งแต่ 4.30 น. และต้องไปขัดพื้น ทำความสะอาดห้องน้ำด้วยมือเปล่า รวมไปถึงการทำงานบ้านต่างๆ และเรียนรู้เกี่ยวกับศีลธรรมที่ผุู้หญิงพึงกระทำเมื่ออยู่ต่อหน้าสามีและบุคคลที่เป็นผู้ชายในครอบครัว
นักเรียนจะถูกสอนให้ละทิ้งการแสวงหาความก้าวหน้าด้านอาชีพ และให้พยายามอยู่ในตำแหน่งงานระดับต่ำ ไม่สู้หรือตอบโต้เมื่อถูกทุบตี เชื่อฟังพ่อ สามี และบุตรชายอย่างไม่มีเงื่อนไข
ครูคนหนึ่งในคลิปกล่าวว่า "ห้ามต่อสู้กับสามี ห้ามเถียงสามี และห้ามหย่าร้าง สถานะทางสังคมของผู้หญิงนั้นจะเป็นชนชั้นที่ต่ำสุดในสังคม และห้ามเลื่อนชั้นทางสังคม"
ทั้งนี้ หลักสูตรการอบรมของโรงเรียนสอนหญิงจะมีระยะเวลา 7- 20 วันในแต่ละหลักสูตร ซึ่งผู้หญิงส่วนมากที่เข้าอบรมจะถูกสามีหรือผู้ปกครองบังคับมาอบรม
บรรยากาศในห้องเรียนที่ถูกแอบถ่ายมาจากนักเรียนคนหนึ่ง
เติ้ง ซีชาน พยาบาลอายุ 21 ปี กล่าวว่า เธอและแม่ของเธอเคยเข้าอบรมในสถาบันสอนหญิงในเมืองฉางชา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน โดยเป็นคลาสที่อบรมฟรี มีที่พักให้ และทางโรงเรียนยังจัดอาหารมังสวิรัติให้แก่ทุกคนที่เข้าอบรมด้วย
นักเรียนที่เข้าอบรมจะถูกสอนให้เชื่อฟังผู้ชาย โดยให้เหตุผลว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ลูกของพวกเขามีอนาคตที่ดี และการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานเป็นสิ่งไม่ดี ทุกๆ เย็นเธอจะถูกบังคับให้ไปขอขมาและสารภาพความผิดตามธรรมเนียมจีนโบราณ
"นักเรียนส่วนมากล้วนเชื่อคำสอนและวิธีปฏิบัติดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ที่ชีวิตของเขาประสบกับความยุ่งยากทุกวันนี้ เป็นเพราะว่าพวกเขามีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน หรือพวกเขาเคยโกหกใครบางคน พวกเขาจึงต้องไปสารภาพผิดและขอขมาแบบจีนโบราณ" เติ้งกล่าว
ขณะที่การอบรมความเป็นผู้หญิงนั้น ผู้เข้าอบรมจะต้องปิดเครื่องมือสื่อสาร และห้ามติดต่อกับโลกภายนอกตลอดระยะเวลาที่เข้าอบรม ผู้เข้าอบรมคนหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ รวมไปถึงเงิน และสถานที่อบรมจะถูกล็อกประตู ทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ หญิงสาวอายุ 20 ปีคนหนึ่งซึ่งถูกส่งไปอบรมเป็นเวลา 7 วันในโรงเรียนสอนหญิงที่เมืองอินฉวน เมืองหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตปกครองตนเองหนิงเซียฮุยกล่าว
ภาพผู้เข้าอบรมกำลังสารภาพความผิดที่เคยกระทำและต้องเคารพรูปของขงจื๊อ
วิดีโอบันทึกเหตุการณ์ในห้องเรียนสอนหญิงที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ของจีน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขัดกับแนวคำสอนของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย ขณะที่ทางหน่วยงานการศึกษาเมืองฝู่ชันได้ออกคำสั่งให้ปิดโรงเรียนดังกล่าว โดยออกแถลงการณ์ทางเว็บไซต์เวยปั๋วว่า "คำสอนของสถาบันการศึกษาแห่งนี้สวนทางกับศีลธรรมทางสังคม และจะต้องถูกปิดลงทันที หลังจากนี้ทางการจะตรวจสอบในวงกว้างขึ้น เพื่อให้ทราบว่ายังมีโรงเรียนเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่ และจะต้องหยุดยั้งปรากฏการณ์ที่บ่อนทำลายคุณค่าหลักแบบสังคมนิยมของจีนลงให้จงได้"
โรงเรียนสอนหญิงลักษณะนี้กำลังได้รับความนิยมในจีน โดยเฉพาะในเขตชนบท โดยผู้ปกครองหลายคนส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนแห่งนี้เพื่อรับการอบรมลักษณะของการเป็นผู้หญิงที่ดี ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่าโรงเรียนสอนหญิงและวัฒนธรรมดั้งเดิมเหล่านี้มีจำนวนเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดจะจดทะเบียนในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ เหมือนดังโรงเรียนสอนหญิงฝู่ชุนที่ถูกสั่งปิดไป
ทั้งนี้ ในรายงานของ BBC กล่าวว่า โรงเรียนฝู่ชุนแห่งนี้มีหลายสาขาในเมืองต่างๆ และมีนักเรียนรวมกันมากกว่า 10,000 คนก่อนจะถูกสั่งปิด ทั้งยังมีบริษัทและองค์กรต่างๆ หลายแห่งนำคอร์สอบรมวัฒนธรรมดั้งเดิมนี้ไปอบรมพนักงานในบริษัท โดยอ้างว่าเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ทุกคนมีความปรองดองกัน
ความตกต่ำของสถานะทางสังคมของผู้หญิงในจีน
หลังจากการปฏิวัติของเหมาเจ๋อตงในปี ค.ศ.1949 สถานะทางสังคมของผู้หญิงจีนได้รับการพัฒนามากขึ้น โดยผู้หญิงสามารถเข้าถึงอาชีพและการศึกษาได้มากขึ้น สิทธิความเท่าเทียมตามกฎหมายของผู้หญิงได้รับการบัญญัติขึ้นหลังจากการปฏิวัติ แต่ทั้งนี้ หลังจากการปฏิรูปเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษ 1980 สถานะทางสังคมของผู้หญิงเริ่มตกต่ำลงอีกครั้ง เนื่องจากแนวคิดทางการเมืองแบบฝ่ายซ้ายถูกลดทอนความสำคัญลงไป เพื่อการพัฒนาประเทศ และแทนที่ด้วยการให้ความสำคัญกับค่านิยมเชิงศีลธรรมแบบขงจื๊อที่ผู้ชายเป็นใหญ่ในสังคม
สถาบันการเมืองของจีนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ได้ชัดเจนที่สุดว่ามีช่องว่างระหว่างเพศเกิดขึ้นจริง โดยคณะกรรมาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะคณะกรรมการธิการระดับสูงที่เป็นแกนนำพรรค ไม่มีสมาชิกที่เป็นผู้หญิงอยู่เลย และในระดับกรรมการพรรครองลงมา มีผู้หญิงเป็นสมาชิกเพียงแค่ 1 คน จากสมาชิกทั้งหมด 25 คน
อย่างไรก็ตาม สหพันธ์สตรีของรัฐบาลจีนได้ปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์ของนักเคลื่อนไหวต่อต้านโรงเรียนสอนหญิง ที่กล่าวว่ารัฐเป็นคนส่งเสริมค่านิยมชายเป็นใหญ่ของขงจื๊อ
"เรารู้สึกไม่พอใจกับมุมมองดังกล่าวที่บิดเบือนความเป็นจริง ในการประชุมพรรคครั้งที่ผ่านมา มีสมาชิกพรรคที่เป็นผู้หญิง 551 คนเข้าร่วมการประชุม ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า30 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของสมาชิกพรรคทั้งหมดที่เข้าร่วมการประชุมในปีที่ผ่านมา และหนึ่งในสี่นั้นประกอบไปด้วยผู้หญิงที่เป็นทั้งรัฐมนตรี นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงนักธุรกิจหญิง" ทางสหพันธ์สตรีกล่าว