"นักสตรีมมิ่ง" วัยมหาวิทยาลัย "ฟางข้าว และ ดิว" อาชีพยุคใหม่ที่น่าสนใจ
อาชีพนักสตรีมมิ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดีเจทางออนไลน์ต่างๆนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาในหมู่วัยรุ่น รวมทั้งยังสามารถสร้างรายได้ได้ดีมากๆอีกอาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้
เนื่องมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลในปัจจุบันทำให้ช่องทางอาชีพ การหารายได้ ต่างๆที่มีรูปแบบใหม่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นต่อเด็กวัยรุ่นสมัยนี้
วันนี้ทาง Sanook! Campus ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ เยาวชนผู้ที่เข้าประกวดการสตรีมมิ่งจากรายการ “Uni-VOOV-City” ที่สามารถผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้าย ซึ่งจะประกาศผู้ชนะในวันที่ 6 เมษายน 2561 ที่จะถึงนี้อีกด้วย
ซึ่งทางเราได้มีโอกาส สัมภาษณ์ น้องดิว นิติกร ปานคร้าม หนุ่มมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มีดีกรีเป็นถึงพิธีกรในรายการต่างๆ และ น้องฟางข้าว สาวจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาวสวยผู้มากความสามารถทางการแสดง ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายในรายการ “Uni-VOOV-City” เราจะมีเจาะลึกประวัติของน้องๆ รวมทั้ง แนวคิดเกี่ยวกับอาชีพสตรีมมิ่งที่วัยรุ่นสมัยปัจจุบันสนใจกัน
"ดิว นิติกร ปานคร้าม" ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์
Q: อะไรเป็นสิ่งตัดสินใจที่เลือกเรียนรัฐศาสตร์
A: ตอนนั้นอยากเป็นทูตครับ (หัวเราะ)
Q: รัฐศาสตร์ให้อะไรเราและวางแผนกับวิชาที่เราเรียนยังไง
A: สำหรับดิวรัฐศาสตร์ให้อะไรหลายๆอย่างมาก วิธีการคิด ตรรกะ ที่เราใช้ในการดำเนินชีวิต เพิ่มภาวะในการเป็นผู้นำให้กับดิวมากๆ ส่วนการวางแผนการเรียนก็เรียนตามสเต็ปปกติครับ แต่ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมีวิชาโท ที่ทำให้เราได้เรียนสิ่งที่เราชอบด้วย ซึ่งดิวก็เลือกเรียนภาษาอังกฤษที่เป็นสิ่งที่ชอบทำให้การเรียนของดิวมีสีสันมากขึ้น
Q: งานพิธีกรสามารถใช้ศาสตร์วิชาในรัฐศาสตร์มาประยุกต์ได้ไหม
A: ได้เยอะมากๆครับ ทำให้เรามีกระบวนการคิดที่เป็นระบบ ทำให้การตั้งคำถามที่น่าสนใจและเท่าทันต่อโลก
Q: เป็นพิธีกรมากี่ปี เล่าความรู้สึกการทำงานในด้านพิธีกรว่าได้อะไรมาบ้าง
A: ประมาณ 3 ปีแล้วครับ ตอนแรกที่ทำบอกเลยว่า ไม่ได้เรื่องเลยครับ ดิวเป็นเด็กต่างจังหวัดที่พูดไม่เก่งเลยครับ โดยเฉพาะอยู่หน้ากล้องนะครับ แต่ทุกวันนี้ก็ดีขึ้น รีแลกซ์ขึ้น แต่ดิวก็พยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ดิวเชื่อเรื่องการเป็นน้ำไม่เต็มแก้วว่าจะช่วยพัฒนาเราได้จริงๆครับ
Q: ในการแข่งขันได้กำหนดเรื่องราว หรือนำเสนอ คอนเทนต์ใดบ้างในช่วงเวลาที่จะถึงนี้ มีอะไรเป็นไม้เด็ดที่สามารถบอกได้
A: ส่วนใหญ่มีครับ แต่ไม่ทุกครั้ง คอนเทนต์ที่ดิวทำได้ดึ คือ เรื่องความรัก อาจเป็นเพราะดิวเล่าจากประสบการณ์จริงด้วยครับ ซึ่งดิวมองว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และได้แชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆครับ
Q: คิดว่าช่องทางการ live มันมีประโยชน์ยังไงกับกลุ่มผู้ชมรวมถึงวัยรุ่นด้วย
A: สำหรับกลุ่มคนดูที่มาดูดิว ดิวรู้สึกว่าเขาจะได้เรียนรู้ชีวิตช่วงชีวิตของวัยรุ่นไปพร้อมๆกัน ดิวว่าไม่ใช่แค่เขาที่แฮปปี้ที่ได้ดูเรา แต่ดิวก็รู้สึกมีความสุขกลับมาเหมือนกันที่ได้คุยกับเพื่อนๆ
Q: คิดว่าทำไมวัยรุ่นส่วนใหญ่ ถึงอยากมาทำงานในการเป็นพิธีกร live
A: ดิวมองว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆในการฝึกฝนตัวเอง โดยส่วนตัวดิวมองว่าสามารถนำไปใช้ในการทำงานจริงๆ ทั้งในวงการบันเทิงและชีวิตประจำวันเช่นกันครับ
Q: แนะนำน้องๆที่สนใจงานแบบนี้ในอนาคตหน่อย
A: ถ้ามีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำไปเลยอย่าลังเล ความสุขในการทำงาน คือ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
"ฟางข้าว ศรุตา ชูมี" ชั้นปี 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
Q: ชอบอะไรในศาสตร์การแสดง และเหตุผลใดถึงเลือกคณะศิลปกรรมศาสตร์
A: ศาสตร์ทางด้านการแสดงสอนฟางหลายอย่างมากๆ เราไม่ได้เรียนแค่ Acting Directing การใช้เสียง การใช้ร่างกายMovement หรือเขียนบท การแสดงสอนฟางว่าอย่าแสดง มันคือการให้ฟางได้เรียนรู้ ได้ศึกษาธรรมชาติของมนุษย์ ได้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ยิ่งเราเล่นละครเราต้องจริงใจ จริงใจในตัวละครของเรา จริงใจในการกระทำของเรา การแสดงไม่ได้สอนให้เราแกล้งแสดง เหตุผลที่ฟางเลือกคณะศิลปกรรมศาสตร์ เพราะคณะนี้มีเอกที่ฟางสนใจคือ การแสดงและกำกับการแสดง ฟางรู้สึกหัวใจมันพองโตทุกครั้งที่ได้เห็นว่าเราทำให้คนดูยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และมีความสุข ฟางดีใจที่ฟางเป็นส่วนหนึ่งของละคร และละครก็ได้ให้อะไรบางอย่างกับคนดูค่ะ
Q: อนาคตอยากเป็นอะไร
A: อนาคตถ้าเป็นไปได้ อยากเป็น Acting Coach เปิดโรงเรียนสอนการแสดงของตัวเองให้กับเด็กๆในต่างจังหวัดที่สนใจ เพราะฟางเป็นคนนึงที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ทำให้เรารู้ว่าเด็กต่างจังหวัดที่มีความสนใจแต่ยังขาดโอกาสอยู่ยังมีอีกมาก เราอยากต่อเติมฝันให้เขา
Q: ได้ข่าวว่าเคยรำแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ช่วยเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อย
A: เคยไปรำที่เกาหลี จีน เวียดนาม แล้วก็มาเลเซียค่ะ จะบอกว่าแต่ละที่ที่ไปมีความยากลำบาก ตั้งแต่กระบวนการซ้อมก่อนไป จนถึงประเทศต่างๆ บางที่ไปเราได้กินหรูอยู่สบาย หรือบางที่ไปก็อยู่ไม่สบายเลย ทุกครั้งที่เราไปรำแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ฟางจะเต็มที่ทุกครั้ง เหนื่อยมากแบบมากๆ ด้วยความที่จำนวนคนไปมีจำนวนจำกัด คนนึงรำติดต่อกัน 3-4 เพลง ก็วิ่งเปลี่ยนชุดกันข้างเวที ทำยังไงก็ได้ต้องขึ้นรำเพลงต่อไปให้ทัน รำวันละ 3 รอบ รอบละ 3-4 เพลง ต้องลุกมาแต่งหน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า กว่าจะได้เข้านอนก็ตี 2 บ้าง ตี 3 บ้าง แต่ทุกครั้งที่เราไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเราจะได้อะไรกลับมาทุกครั้งเลยค่ะ ฟางได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆที่เจอในประเทศอื่น ได้ฝึกความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเลย และที่สำคัญฟางได้ความภูมิใจ ภูมิใจมากๆที่เป็นตัวแทนของคนไทย ภูมิใจที่คนต่างชาติชมว่าวัฒธรรมของคนไทยสวยงามมาก และภูมิใจที่ได้นำวัฒนธรรมของไทยไปสู่สายตาของประเทศต่างๆ
Q: อะไรคือเหตุผลที่เราอยากมาทดสอบฝีมือใน แคมเปญ "Uni-VOOV-City" ได้ประสบการณ์อะไร และความแปลกใหม่อะไรที่น่าสนใจ
A: เหตุผลที่มาทดสอบฝีมือในแคมเปญนี้ เพราะเอาจริงๆแล้วฟางไม่เคยไลฟ์มาก่อนเลยค่ะ เคยมีเป็นพิธีกรงานต่างๆของมหาวิทยาลัยบ้าง พอได้ข่าวว่ามีแคมเปญ voov ก็สนใจอยากรู้ว่าจะเหมือนกับการที่เราเป็นพิธีกรมั้ย เลยกระโจนเข้าใส่เลย ฟางคิดว่าจริงๆแล้วการไลฟ์แอบเชื่อมกับการเรียนการแสดงของฟางนะคะ เพราะการแสดงเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารเหมือนกัน การที่เราลงแคมเปญนี้ก็เหมือนการฝึกทักษะทางด้านการสื่อสารของเราด้วยเหมือนกัน เป็นประสบการณ์ที่มีความแปลกใหม่มากค่ะ ที่มันแปลกสำหรับฟางมากๆเลยคือการที่มีคนติดตามเรา รอพูดคุยกับเรา คอยสนับสนุนฟาง ตรงนี้เป็นแรงแล้วก็เป็นกำลังใจของฟางมากๆเลยค่ะ
Q: ในการแข่งขันได้กำหนดเรื่องราว หรือนำเสนอ คอนเทนต์ใดบ้างในช่วงเวลาที่จะถึงนี้ มีอะไรเป็นไม้เด็ดที่สามารถบอกได้
A: มีกำหนดไว้นะคะ คอนเทนต์ที่เอามาเป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์แน่นอนเน้นๆสุขภาพกันไปเลย แล้วก็เฮฮาปาจิงโกะตามสไตล์ฟางข้าว ไม่น่าเบื่อรับรองเลยค่ะ!
Q: คิดว่าช่องทางการ live มันมีประโยชน์ยังไงกับกลุ่มผู้ชม รวมถึงวัยรุ่นด้วย
A: ผู้ชมเข้าถึงง่าย สามารถเลือกรับชมได้ด้วย เพราะวีเจแต่ละคนก็จะมาคุยหรือมีคอนเทนต์เป็นของตัวเอง และที่สำคัญฟางว่าเป็นพื้นที่ ที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นแสดงความเป็นตัวตน ความสามารถของแต่ละคนได้อย่างสร้างสรรค์และเต็มที่ค่ะ
Q: คิดว่าทำไมวัยรุ่นส่วนใหญ่ ถึงอยากมาทำงานในการเป็นพิธีกร live
A: ส่วนหนึ่งคือเราสามารถหารายได้ได้ด้วยตนเอง การไลฟ์ก็สะดวกเลือกเวลาที่เราว่างได้ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่อันตราย การเป็นพิธีกรไลฟ์ก็ทำให้เราสนุกสนานด้วยค่ะ เราได้หาคอนเทนต์สนุกๆที่เราชอบ ที่เราสนใจมาพูดคุยกับเพื่อนๆ
Q: แนะนำน้องๆที่สนใจงานแบบนี้ในอนาคตหน่อย
A: แนะนำว่าแค่เรามีความมั่นใจ กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ มีความเป็นตัวของตัวเอง น้องๆก็สามารถมาร่วมเป็นพิธีกร live ได้ค่ะ แล้วแน่นอนเลยน้องๆจะได้ประสบการณ์ดีๆกลับไปแน่นอน
เป็นกลุ่มวัยรุ่นนักสตรีมมิ่ง ที่ผ่านเข้ารอบในรายการ "Uni-VOOV-City" เป็นที่เรียบร้อย มาพร้อมกับประสบการณ์ดีๆทั้งในด้านการเรียน รวมถึงการประยุกต์สาขาการเรียนของตัวเองให้เข้ากับ คอนเทนต์ต่างๆที่จะนำเสนอออกมาในรายการไลฟ์ เรียกได้ว่าเป็น กลุ่มวัยรุ่น ตัวอย่างที่สามารถใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทั้งการพิสูจน์ตัวเอง ประลองฝีมือ ฝึกความสามารถของตัวเองไปในตัวด้วยถือว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆหนึ่งโครงการ อย่าลืมไปให้กำลังใจกับพวกเขากันนะ ในวันที่ 6 เมษายน 2561 ที่จะถึงนี้