คลอดหลักสูตร “เทรนครู(TrainKru)" ติดอาวุธครูไทยเพื่อการศึกษาในศตวรรษที่ 21
คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยและองค์กรการศึกษาชั้นนำ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์พัฒนาการสอนคิด โรงเรียน อบจ.เชียงราย และอีกหลายสถาบัน ได้ร่วมมือกับ บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด กิจการเพื่อสังคมด้านการศึกษา พัฒนาหลักสูตรอบรมพัฒนาทักษะความรู้เพื่อตอบโจทย์การเรียนการสอนสำหรับศตวรรษที่ 21 ให้กับคุณครูทุกท่าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ ภายใต้ชื่อ “เทรนครู” (TrainKru by LearnEducation) “ร่วมเคียงข้าง สร้างอนาคต : Better Future Together”
สืบเนื่องจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปิดโครงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (คูปองครู) เชื่อมโยงกับวิทยฐานะขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความไม่ทัดเทียมในด้านความรู้ความชำนาญของคุณครูและคณาจารย์ผู้สอน ที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาดังกล่าวไปสู่คุณครูในโครงการฯ กว่า 500 คน ซึ่งคุณครูที่ร่วมพัฒนามีความพึงพอใจเป็นอย่างมากจากผลสำรวจหลังการฝึกอบรม และมีความต้องการหลักสูตรที่หลากหลายเพิ่มขึ้น
ในปี 2561 นี้ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยและองค์กรชั้นนำเพื่อการศึกษา อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โรงเรียน อบจ. เชียงราย ฯลฯ และบริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด กิจการเพื่อสังคมด้านการศึกษาของไทย จึงได้ร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรฯ สนับสนุนโครงการพัฒนาครูและบุคลาการทางการศึกษาทั่วประเทศ ที่สำนักงานการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดขึ้น เพื่อให้คุณครู (ข้าราชการครู) ใช้สิทธิ์ “คูปองครู10,000 บาท” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการ ในการเข้าอบรมหลักสูตรดังกล่าวเพื่อพัฒนาศักยภาพในสาขาอาชีพของตน และเพื่อนำทักษะต่างๆ ที่ได้รับจากการอบรมถ่ายทอดสู่นักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศต่อไป โดยหลักสูตรที่จัดขึ้นนั้น มีทั้งการอบรมสัมมนา (Workshop) ณ สถาบัน ซึ่งมีสาขาทั้งในกรุงเทพและภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ มีระบบการอบรมแบบผสมสื่อออนไลน์ (Blended Learning) และมีรูปแบบการอบรมแบบออนไลน์ (Online) ซึ่งการอบรมแบบออนไลน์ และแบบผสมสื่อออนไลน์ จะช่วยให้ครูในพื้นที่ห่างไกล หรือไม่สะดวกที่จะเดินทางมายังสถานที่ฝึกอบรมสามารถรับการอบรมได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างเท่าเทียมกัน เปิดให้ครูที่ลงทะเบียนเรียนสามารถได้เรียนทุกคน ลดความเสี่ยงเรื่องการเสียสิทธิ์จากการยกเลิกหลักสูตร ระบบการอบรมแบบออนไลน์นั้นจะเป็นระบบที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อความสะดวกแก่การเข้าใช้ระบบ และไม่เป็นอุปสรรคสำหรับครูที่ไม่สันทัดด้านการใช้ระบบออนไลน์ โดยจะมีคำแนะนำก่อนการเข้าใช้งานครั้งแรก ควบคู่กับคู่มือการใช้โปรแกรมให้สามารถศึกษาได้ตลอดเวลา โดยหลักสูตรครอบคลุมครูทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับปฐมวัย, ประถมศึกษา จนถึงระดับมัธยมศึกษา ซึ่งหลักสูตรทั้งหมดจะเน้นเพื่อการพัฒนาความรู้และทักษะการสอน จิตวิญญาณครู และเครื่องมือใหม่ ๆที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษต่อไป อาทิ หลักสูตร STEM ศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกิจกรรมในห้องเรียน เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21, หลักสูตรวิทยาการคำนวณ เทคนิคการสอน Scratch และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Coding) , หลักสูตรครูสอนคิด ตามแนวทาง Thinking School จากประเทศนิวซีแลนด์, หลักสูตร Smart Trick เทคนิคในการเล่าเรื่องให้น่าสนใจในห้องเรียน การออกแบบเกมเล่นอย่างไรให้ให้ได้เรียนรู้ หรือแม้แต่การสร้างบรรยากาศให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวกในสถานศึกษา เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสอนของครูทั้งด้านการถ่ายทอดและการเชื่อมโยงเทคโนโลยีมาเพื่อการสอนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาสำหรับโลกยุคดิจิตัลและการเรียนรู้ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
นอกจากหลักสูตรที่พัฒนาโดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆแล้ว ยังมีการสร้างแพล็ทฟอร์มสำหรับ PLC (Professional Learning Community) ชุมชนทางวิชาชีพครู ที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการแบ่งปันความรู้ การแชร์ประสบการณ์ และการแก้ปัญหาร่วมกันให้กับนักเรียน โดยมีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญคอยให้การสนับสนุน ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สามารถติดตามร่องรอยได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนให้ครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาให้นักเรียนได้อย่างมีประสิทธิผลและก่อให้เกิดนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ใหม่ ๆ กับการศึกษาไทยโดยมีครูเป็นผู้สร้างสรรค์ ต่อไป
ทั้งนี้ อ.ดร.ปรัชญพงศ์ ยาศรี อาจารย์ประจำสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ เจ้าของหลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ STEM ศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ปัญหาความเบื่อหน่ายของเด็กในห้องเรียนซึ่งนำไปสู่การขาดประสิทธิภาพในการเรียนรู้นั้นเกิดมาจาก 2 สาเหตุหลักได้แก่ 1. รูปแบบการสอนที่ไม่ท้าทาย และ 2. คือเป้าหมายในการเรียนที่ไม่ชัดเจน ซึ่งหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้น สามารถตอบโจทย์ชี้ให้เห็นถึงแนวทางในการแก้ปัญหาเหล่านี้ และมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปัญหาความเบื่อหน่ายของเด็กในห้องเรียนจะลดลง นำไปสู่ประสิทธิผลในการเรียนการสอนในที่สุด”
ด้านนายนายธานินทร์ ทิมทอง ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ได้กล่าวถึงเป้าหมายของ “เทรนครู” (TrainKru by LearnEducation) ว่า “โจทย์ที่ประเทศไทยมีคือการ Transformation หรือทำอย่างไรให้ประเทศก้าวไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 และศตวรรษที่ 21 ที่ยั่งยืนอย่างเต็มตัว คือการสร้างคนดี คนเก่ง และคนที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษต่อไปได้อย่างปรกติสุข ซึ่งคุณครูเป็นคนที่สำคัญที่สุดในการสร้างเด็กและเยาวชนของประเทศไปสู่จุดนั้น การร่วมพัฒนาครูโดยผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่าง ๆ การนำเทคโนโลยีมาสนับสนุน รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการเรียนการสอน จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญในการตอบโจทย์ดังกล่าว อันจะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีความยั่งยืนแก่เด็กๆในที่สุด” โดยมีเป้าหมายให้ เทรนครู เป็นสถาบันที่สามารถรองรับคุณครูในหลักหมื่นคนในอนาคต
และ ผศ.ดร.โปรดปราน บุณยพุกกณะ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนคณาจารย์ผู้พัฒนาหลักสูตร วิทยาการคำนวณ ผ่านการเขียนโปรแกรม Scratch กล่าวทิ้งท้ายในฐานะวิทยากรผู้อบรมของโครงการว่า “การอบรมในโครงการนี้จะเป็นเสมือนการติดอาวุธให้กับครูไทยให้ได้พัฒนาตนเองในสาขาอาชีพของตน ทั้งในเชิงของการเพิ่มความรู้ และการได้มาเห็นแนวคิดและวิธีการสอนของผู้อื่น ซึ่งสามารถนำข้อดีไปปรับใช้ได้ เพราะอนาคตของเด็กทุกคนจะเป็นอย่างไร ครูถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดอนาคตเหล่านั้น”
หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรอบรมพัฒนาครู “เทรนครู” (TrainKru by LearnEducation) สามารถติดตามข่าวสารและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.trainkru.net