คุยเพลินๆ กับ “นนท์-ธนนท์” นักร้องหนุ่มที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง
นนท์-ธนนท์ จำเริญ เป็นศิลปินที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเลยจริงๆ จนวันนี้ก็ได้เห็นความสามารถที่หลากหลายมากมาย เขาจึงจะมาเผยเคล็ดลับและแนวคิดการพัฒนาตัวเองให้ทุกคนได้รู้กัน
นาทีนี้คงไม่มีใครฮอตไปกว่านักร้องหนุ่มคนนี้อีกแล้ว กับนักร้องเสียงดีติดหู “นนท์-ธนนท์” ผู้ที่มีความสามารถในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แม้ว่าจะคว้าแชมป์ The Voice Thailand Season 1 มาแล้ว นักร้องหนุ่มก็ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาตัวเองเลย จนล่าสุดเขาก็ได้คว้าแชมป์รายการ The Mask Singer Season 4 มาหมาดๆ เขาได้โชว์ความสามารถมากมายที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยได้รู้ วันนี้ Sanook! Campus ได้มีโอกาสพูดคุยใกล้ชิดกับนนท์ จึงไม่พลาดที่จะถามเคล็ดลับการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ของเขา
ความฝันจริงๆ ของ นนท์ คืออะไร
จริงๆ มีเยอะมาก ตอนเด็กๆ เราอยากเป็นนักกีฬาที่ดี แล้วเราก็เล่นมันจนจริงจังมากจนเกิดอุบัติเหตุ จนเล่นกีฬาต่อไม่ได้ มันก็เหมือนไปจนสุดแล้วล่ะ เราก็ต้องหาฝันใหม่ต่อที่เราสามารถทำได้ด้วย แต่พอโตขึ้นก็มองกว้างขึ้น เพราะฉะนั้นฝันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ว่าในทุกๆ ฝันเนี่ย จะเป็นอาชีพที่เราสามารถให้ประโยชน์กับคนอื่นได้ อย่างตอนเราเป็นนักกีฬา เรารู้สึกว่าถ้าเราสามารถเป็นโค้ชหรืออะไรต่อได้ เราอยากเป็นแบบนั้น เราอยากจะเทรนด์เด็กขึ้นมา หรือว่าตอนที่เป็นนักร้อง เราก็ฝันว่าเราอยากเป็นนักดนตรี อยากเป็นศิลปิน เพราะเรารู้สึกว่าการที่เราได้ขึ้นมาอยู่บน Stage แล้วเราได้เป็นความสุขของคนดู มันเป็นอะไรที่ผมว่าน้อยอาชีพจะเป็นได้ ซึ่งก็เลยรู้สึกว่า หนึ่งในตอนเด็กนั้นความฝันสูงสุดก็น่าจะเป็นศิลปินนี่แหละครับ เพราะรู้สึกว่าเราได้อยู่ท่ามกลาง Mood อารมณ์ที่มันดี เราอาจจะไม่ได้ชอบร้องเพลงขนาดนั้น แต่เราชอบให้คนรอบข้างเรามีความสุข เราก็เลยมองว่าอาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่เราฝันไว้
นิยามตัวเองด้วยคำ 3 คำ
"ไม่สมบูรณ์” ครับ เพราะว่าถ้าสมบูรณ์แล้วเราจะไม่พยายาม เราเลยพยายามตีตัวเองว่าเราไม่สมบูรณ์ตลอดเวลา ไม่สมบูรณ์ในที่นี้คือ ไม่ใช่ไม่สมประกอบนะ ต้องแยกนะ (หัวเราะ) คือเราไม่สมบูรณ์แบบอ่ะ เพราะฉะนั้นในความไม่สมบูรณ์แบบมันจะทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ใช่น้ำเต็มแก้วตลอดเวลา เราจะพยายามเติมเต็ม พยายามพัฒนาอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าให้ตัวเองตีค่าตัวเองเป็นอะไร เราตีค่าตัวเองเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่อยากให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ
คิดว่าอะไรในตัวเองที่มีเสน่ห์ที่สุด
ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์เลย รู้สึกว่าถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบนะ แต่เราไม่รู้ว่ามันมีเสน่ห์หรือเปล่า คงเป็นเรื่องของความตั้งใจแล้วก็ซื่อสัตย์ในหน้าที่ที่ได้รับ แล้วก็รวมไปถึงในความฝันที่เรามี เราว่าสิ่งนั้นเราชอบตัวเองที่สุด
จริงๆ แล้วชอบร้องเพลงแนวไหน
ถ้าชอบจริงๆ เราก็จะชอบเป็น R&B, Pop หรือ Soul เนี่ยแหละครับ เป็นกึ่งๆ ของคนผิวสีหน่อย ที่มันมีสไตล์มีการไล่โน้ตที่มันโอเค ก็จะชอบ เป็นดนตรีเข้มข้นๆ หน่อย พอมาทำงานถ้ามันเข้มข้นเหมือนที่เราเป็นก็อาจจะลึกเกินไปก็อาจจะต้องเบาลงมาบ้าง
ย้อนวัยสมัยเรียนกันหน่อยกับวิชาที่ชอบและไม่ชอบมากที่สุด
วิชาที่ไม่ชอบคือคณิตครับ เพราะเรารู้สึกว่าตัวเลขมีอยู่ 9 ตัว แล้วมันงงมาก มันสลับไปสลับมา แล้วมันก็ยังมีขีดอะไรอีก ขีดเดียวก็มีค่าเป็นหาร เป็นเศษส่วนแล้ว เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างยาก ส่วนวิชาที่เราชอบก็จะเป็นศิลปะ แต่ถ้าจริงๆ แล้วเราชอบวิทยาศาสตร์ด้วย อาจจะเพราะว่าที่โรงเรียนเราเนี่ย มีการสอนให้ลงมือทำเลย แต่คณิตเนี่ยมันเขียนๆ โจทย์ มันอาจจะไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากการเขียนโจทย์ แต่ของวิทยาศาสตร์มันมีการทดลองอะไรแบบนี้ แล้วเราสามารถเห็นผลลัพธ์มันได้เลย หรือรวมไปถึงศิลปะ เราว่าเราเขียนแล้วเราเห็นรูปร่างของเราได้เลย มันไม่ได้เป็น 1 ถึง 9 เป็นแค่ตัวเลขแบบเดิมๆ ก็เลยรู้สึกว่าเราชอบ 2 วิชานี้ ก็คือวิทยาศาสตร์และศิลปะ
วีรกรรมเด็ดสมัยเรียน
เอากี่อันครับ (หัวเราะ) ตั้งแต่ 7 ขวบ เริ่มจำความได้ก็มีวีรกรรมเลย ด้วยความที่เราเป็นเด็กที่เวลาเราทำอะไรเราอยากได้คำตอบ เราอยากรู้ว่าเราทำอย่างนี้แล้วเราได้อะไรกลับมา แล้วก็มักจะเป็นเด็กที่ถามเก่ง อยากรู้ตามลักษณะของเด็กซน เหมือนตอนนั้นเราก็ 7 ขวบ และด้วยความที่เราเป็นเด็กบ้านใกล้โรงเรียนเราก็เลยไม่ได้เดือดร้อนที่จะรีบกลับบ้าน จนเพื่อนเขากลับกันหมดแล้ว เราก็อยู่กับลูกบาสลูกนึง ชู๊ตไปชู๊ตมาเราก็คิดว่า “ลูกบาสนี่เวลาลงห่วง ความรู้สึกมันเป็นยังไง” และด้วยความเป็นเด็กมันก็เลยไม่มีการกรองที่มันชัดเจน มันก็ปีนขึ้นไปหลังแป้นบาสเลย แล้วก็เอาตัวยัดลงมาเลย จังหวะที่ยัดลงไปแขนเราเกี่ยวกับตัวขอบห่วงครับ แล้วมันก็ล้มลงฟาดพื้นอีกทีครับ ทำให้แขนหัก แล้วด้วยความเด็กอะนะ เราไม่รู้ว่านั่นอะคือแขนหัก มันเข้าใจว่าแขนบวม แล้วขยับไม่ได้แต่รู้ว่าเจ็บ แต่ว่าก็ไม่กล้าบอกแม่เพราะว่ากลัวว่าแม่หาว่า “อ้าว ซนอีกแล้ว” ก็หักตั้งแต่เที่ยงอะ ไปโรงพยาบาลตอน 2 ทุ่ม เพราะว่าร้องไห้ตอนถอดเสื้อแล้วถอดไม่ได้ เพราะว่าแขนมันหักเป็น 2 ชิ้นเลย เราก็แบกแขนตัวเอง มันก็เลยกลายเป็นว่าแม่ก็มาจับแขนดูมันก็ก๊อบแก๊บๆ ก็คือมันหลุดแล้วล่ะ เลยไปโรงพยาบาล ก็นั่นแหละเป็นวีรกรรมที่ซนด้วย แล้วก็ไม่ฉลาดด้วย
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ นนท์ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เรามองว่าในโลกใบนี้ แล้วก็ในทุกทักษะของชีวิตหรือทุกอาชีพมันไม่มีใครเก่งที่สุด แต่มันมีแต่ว่าใครเก่งกว่า แล้วสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาก็คือ เราตีค่าตัวเองว่าเราไม่เก่งเลย เราไม่รู้อย่างเดียว เราต้องรู้มากขึ้น เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ ผมมองว่าจนวันนี้กว่าทุกคนจะเริ่มเห็นว่าเราพัฒนามากขึ้น มันก็ใช้เวลา แรกๆ ก็ไม่มีคนเข้าใจ ไม่มีคนเห็นว่าเราพัฒนาตรงไหน แต่ผมเชื่อว่ามนุษย์อะ จากสมัยก่อนถ้ามันจริงตามวิทยาศาสตร์ที่เขาบอกว่ามนุษย์สมัยก่อนมีหาง ถึงวันนึงมันไม่ใช้เพราะว่ามันพัฒนาแล้ว มันเห็นแล้วว่าไม่ได้มีประโยชน์ จากมีหางเราก็ไม่มีหางได้ กับแค่พัฒนาตัวเอง หรือมุมมองหลายๆ Attitude บางอย่างที่มันดีขึ้น ทำไมเราจะไม่ทำ เราก็คิดอย่างนั้นแล้วเราก็เลยพยายามที่จะพัฒนาตัวเองมาตลอด
ฝากอะไรถึงน้องที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องสักหน่อย
จริงๆ ผมมองว่าการที่เราอยากเป็นศิลปินครับ ใครๆ ก็เป็นได้ในยุคของปัจจุบันที่เราสามารถมีช่องทางของตัวเองได้ ทำ Chanel ต่างๆ ซึ่งในส่วนของ Generation ผม จะเป็น Generation ที่กึ่งๆ คือเหมือนจะทำได้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากใน 2 ช่องทาง คือตอนนี้ใครๆ ก็เป็นศิลปินได้ แต่ว่าในจุดประสงค์หลักของศิลปินคืออะไร อยากให้เข้าใจตรงนี้ก่อน คือมันอาจไม่ใช่แค่มาร้องเพลงแล้วจบ มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นในการเป็นแบบอย่าง ซึ่งตัวเราเองก็ไม่ได้สมบูรณ์พร้อม แล้วก็มีเรื่องที่ดีและไม่ดี เราก็พยายามให้น้องๆ หลายๆ คนที่อยากจะมาทำงานตรงนี้เลือกเอาตรงไหนที่ดีของเรา เอาไปใช้ ตรงไหนที่ไม่ดีของเรา เอาวางไว้ตรงนี้ อยากให้น้องๆ พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดคนที่เข้ามาครับ อยากให้ร่วมพัฒนาวงการนี้ไปด้วยกัน เพราะท้ายที่เราแก่ตัวไป เราก็ต้องออกไป แต่ในส่วนของน้องๆ รุ่นใหม่เนี่ย ยังมีกำลังที่จะพัฒนาวงการนี้ให้มากขึ้น เราอยากเห็นวงการดนตรีหรือว่าทุกๆ วงการในอาชีพนี้บนโลกมันพัฒนามากขึ้น เพราะท้ายที่สุดคนที่ได้ผลประโยชน์คือมวลมนุษยชาติ เรามองอย่างนั้นนะ
ฝากผลงานสักนิด
ก็ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดนะครับ “มีผลต่อหัวใจ” ก็เป็นซิงเกิ้ลล่าสุด หลังจากที่ห่างไปปีกว่า ก็ไปประกวดรายการ The Mask Singer นานเลย แล้วก็ขอบคุณมากที่หลายๆ คนคิดถึงเพลงใหม่กัน เชื่อแล้วว่าคิดถึงจริงๆ เพราะเพลงนี้เราปล่อยไปได้ไม่นาน อย่างติดชาร์ตอันดับ 1 เนี่ยก็เราปล่อยไปได้ 3 สัปดาห์ก็มุ่งเข้าสู่ชาร์ตอันดับ 1 แล้วก็มียอดการฟังที่สูงมาก เกินกว่าที่เราคาดไว้ ในส่วนของ Youtube เองก็ตามนะครับ เราปล่อยไป 19 ชั่วโมงแรก เราแตะ 1 ล้านวิว 2 วันก็ 3 ล้านวิว ตอนนี้ก็ยังขึ้นอยู่เรื่อยๆ ยังไงก็ฝากไว้ด้วย อยากให้ฟังกันไปเรื่อยๆ อยากให้อยู่ในชาร์ตกันไปนานๆ เพราะว่าทีมงานเบื้องหลังทุกคนก็ตั้งใจมาก แล้วพอเห็นแบบนี้มันก็ยิ่งชื่นใจ เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงนึงที่ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนน่าจะรู้สึกเหมือนกันที่เราชอบคนๆ นึงแล้วไม่ว่าเราจะคบหรือไม่ได้คบก็ตาม แต่ท้ายที่สุดพอเราไปเจออะไรที่มันเกี่ยวข้องกับเขา มันอาจจะทำให้เรานึกถึงเขา ซึ่งนั่นแปลว่าเขาคนนั้นยังคงมีผลต่อหัวใจเราอยู่ ซึ่งมันก็เป็นช่วงนึงในความรู้สึกของเราเองที่เราอยากจะแชร์ให้ทุกคนด้วย ก็ฝากไว้ด้วยกับผลงาน “มีผลต่อหัวใจ”
อัลบั้มภาพ 24 ภาพ