10 "เมืองน่าเรียนในต่างประเทศ" แวดล้อมดี การศึกษาเริ่ด
QS บริษัทให้ข้อมูลในด้านการศึกษาจัดทำอันดับมหาวิทยาลัย โดย QS ได้จัดอันดับเมืองน่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ประจำปี 2018
หลายคนที่พลาดหวังจาก TCAS และอีกหลายคนที่เริ่มจะหมดความหวังกับการเรียนต่อในประเทศ ถ้าคุณมีเกรดเฉลี่ยในระดับดีมาก หรือมีทุนทรัพย์พอจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือ คิดจะสอบชิงทุน ลองดูการจัดอันดับของ QS บริษัทให้ข้อมูลในด้านการศึกษารวมถึงจัดทำอันดับมหาวิทยาลัย โดย QS ได้จัดอันดับเมืองน่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ประจำปี 2018 ออกมามีเมืองไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย
10. กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
เมืองที่ตื่นอยู่ตลอดเวลาตามแบบฉบับของเมืองหลวงในเอเชียที่เป็นเหมือนกับไซเบอร์ซิตี้ กรุงโซลเป็นเมืองที่รวมเอาเทคโนโลยีและความล้ำสมัยเอาไว้ในทุกตรอกซอกซอย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่เหมาะกับการศึกษา และ ใช้ชีวิตเพื่อการศึกษาอีกด้วย เพราะนอกจากสถาบันจะได้รับความนิยมแล้ว คนที่เรียนจบมาก็มีงานที่ดีรองรับอยู่ด้วยเช่นกัน
9. ซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย
เมืองท่าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานอกจากชายหาด เกลียวคลื่น และการเล่นเซิร์ฟ ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว ซิดนี่ย์ยังเป็นเมืองการค้าสำคัญของออสเตรเลีย แน่นอนว่าสถาบันการศึกษาชั้นนำของออสเตรเลียก็อยู่ในเมืองนี้ ที่สำคัญเมื่อเรียนจบมาแล้วก็มีงานรองรับทันที
8. ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ด้วยความที่เป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งในยุโรป และ เหมาะที่จะใช้ชีวิตอย่างมีมาตรฐาน ซูริค จึงกลายเป็นเมืองที่มีนักศึกษาต่างชาติสนใจที่จะเดินทางไปเรียนต่อกันมากขึ้น เหนืออื่นใดมหาวิทยาลัยในซูริค นั้นก็ได้รับมาตรฐานระดับโลกทำให้ ซูริคเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของ ผู้ที่ต้องการความรู้ วิชา และ ชีวิตที่ปลอดภัย แต่ถ้าจะไปเรียนที่ซูริค ก็ระวังเรื่องค่าครองชีพกันหน่อย เพราะแพงเอาเรื่องอยู่
7. กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี
เมืองหลวงของสาธารณรัฐเยอรมนี ที่อาจจะไม่ค่อยเทรนดี้นักในสายตาของนักท่องเที่ยว แต่เชื่อไหมว่า เบอร์ลิน เป็นที่นิยมมากในหมู่นักเรียน นักศึกษา ส่วนหนึ่งเพราะค่าครองชีพที่ไม่แพง และ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ก็มีให้เลือกอยู่มากในเบอร์ลิน ทำให้เบอร์ลิน กลายเป็นเมืองสำหรับการศึกษาไปซะงั้น
6. มิวนิค สาธารณรัฐเยอรมนี
หลายคนมามิวนิค เพราะ เทศกาลเบียร์ในเดือนตุลาคม หรือ Oktoberfest แต่เมืองทางใต้ของเยอรมนีแห่งนี้ยังได้มีวัฒนธรรม และ ศิลปะที่งดงามด้วย เหนืออื่นใดยังเป็นเมืองที่มีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ทำให้ มิวนิค เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการมาเรียนต่อที่เยอรมนี
5. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เรียนต่อปารีส ออกจะชิคๆคูลๆ ไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากเรื่องแฟชั่น ศิลปะที่โด่งดังไปทั่วโลกแล้วสถาบันการศึกษาเก่าแก่อย่างซอร์บอร์น ที่โด่งดังเรื่องภาษาและประวัติศาสตร์ ก็อยู่ในกรุงปารีส กล่าวกันว่าถ้ามาเรียนที่ปารีสนั้น “จงมาเพื่อสร้างชื่อและใช้ชีวิตราตรี”
4. มอนทรีอัล ประเทศแคนาดา
เมืองที่ ใช้สองภาษาคืออังกฤษ และ ฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่เรียนได้ว่ามีลูกผสมระหว่าง อังกฤษกับฝรั่งเศสให้เห็นอยู่ทั้งเมือง แน่นอนว่าชีวิตมหาวิทยาลัยเหมาะสมกับมอนทรีอัล มากเพราะนอกจากเมืองที่ออกแนวครีเอทีฟทาวน์ เกือบทั้งเมืองแล้ว ชีวิตกลางคืน และ ซัมเมอร์ เฟสติวัล น่าจะทำให้เรียนได้อย่างสุดสนุกที่มอนทรีอัล กันเลยทีเดียว
3. เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
เมืองที่แสงแดด เจิดจ้า อากาศกำลังดีเหมาะกับนักศึกษาจากเอเชีย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป และที่สำคัญเมลเบิร์นคือเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองเพื่อการศึกษาจากจำนวนประชากรนักเรียนนักศึกษาที่มีมากกว่าเมืองใดในออสเตรเลีย
2. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ประชากรในโตเกียวมีอยู่ราว 35 ล้านคน แม้จะมีมหาวิทยาลัยที่อยู่ในโตเกียวไม่มากนัก แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ เหนืออื่นใด ที่ตั้งของบริษัทระดับโลกหลายเจ้าก็อยู่ในโตเกียว จึงเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่อยากเรียนไปพร้อมกับหาประสบการณ์ แน่นอนว่าคุณจะได้พัฒนาตนเองอย่างแน่นอน
1. ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้ว่าค่าครองชีพในลอนดอนจะสูงไปหน่อย แต่ลอนดอนยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการแสวงหาความรู้ ด้วยความที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และ อัตลักษณ์ในการดำรงชีวิต รวมไปถึงโอกาสในการหางาน นอกจากนี้มหาวิทยาลัยในลอนดอนหลายแห่งก็อยู่ในระดับท้อปแรงค์ ของโลก ทั้งนี้มีรายงานว่า ประชากร 41 เปอร์เซ็นต์ ในลอนดอน คือนักศึกษาต่างชาติที่ต่างต้องการมาตักตวงความรู้จากสถาบันการศึกษาที่นี่