ไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟค "ฟิล์ม-ธนภัทร" มีวันนี้ได้ เพราะไม่เคยหยุดเรียนรู้ #บอสวศิน
ฟิล์ม-ธนภัทร เผยชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกอย่างต้องอยู่ที่การเรียนรู้ และลงมือทำด้วยตัวเอง ชีวิตถึงจะมีค่าและมีความหมาย
เรียกว่าได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติ ณ ขณะนี้ไปเลยสำหรับ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ หรือบทบาทบอสวศิน จากละครเรื่อง เมีย 2018 ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ แต่ต้องบอกเลยว่าการที่จะมาเป็นตัวของเขาในทุกวันนี้ มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนคิด เพราะในช่วงที่เขายังเด็ก เขาทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย และเรื่องภาษาอังกฤษเขาก็พูดไม่ได้เลย เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะได้เป็นคนที่ดีขึ้น
และนี่คือเรื่องที่ Sanook! Campus คิดว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ บอสวศิน ฟิล์ม-ธนภัทร ผู้ชายน่าทึ่งที่ไม่ได้เป็นเพียงสามีแห่งชาติ แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดี ให้กับวัยรุ่นในยุคนี้ให้ไม่ปล่อยให้ความฝันผ่านไปกับความคิด แต่ต้องลุกขึ้นมาลงมือทำให้เป็นความจริง
"เมื่อก่อนนี้เป็นคนที่อ้วนมาก แต่ก็มีความฝันที่จะผอม"
เพราะความคิดของคุณแม่ปลูกฝังให้ฟิล์มอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากการล้อเลียนว่าอ้วนเตี้ยนั่นเอง และหลังจากนั้นเขาก็ได้ไปเรียนว่ายน้ำกับนักกีฬาว่ายน้ำ โดยเขาใช้ชีวิตในสระหลังเลิกเรียนวันละ 3-4 ทุกวัน เป็นเวลาประมาณ 2 ปี เลยทำให้เขาผอม สูง และหุ่นดีขึ้นนั่นเอง
"ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่ก็อยากที่จะเป็นสจ๊วต"
ถึงแม้ ฟิล์ม-ธนภัทร จะเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากๆ ถึงกับเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 2 ก็ตาม แต่ด้านภาษาอังกฤษของเขาไม่แข็งแรงมากๆ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะหยุดความฝันการเป็นสจ๊วตเอาไว้แค่นั้น หลังจากเรียนจบเขาก็ได้เงินที่เขาเก็บมาได้ทั้งชีวิต ประมาณ ประมาณ 60,000 บาท จากการแคสงานโฆษณา เดินแบบในช่วงที่เรียน มาลงทุนเรียนเรื่องภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะเพิ่มความรู้ของตัวเองที่จะไปต่อยอดในอาชีพสจ๊วตได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาก็สามารถ TOEIC ได้คะแนน 565 และผ่านเกณฑ์เข้าสมัครเป็นสจ๊วตได้ในที่สุด
film.thanapat
"ต้องเลือกระหว่างงานที่ชอบกับเดินทางตามความฝัน"
เขาเป็นสจ๊วตได้ 1 ปีกว่าๆ เป็นงานแบบ Full-time บินในประเทศวันหนึ่งประมาณ 4 ไฟล์ท รวมไปถึงรับงานละครไปด้วย และมีจุดหนึ่งที่ทำให้เขาต้องเลือกระหว่างงานละครกับงานสจ๊วต เพราะตารางงานมันไม่ตรงกัน เขาเลยเลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาฝัน เพราะการที่ทำตามความฝันของตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าจะประสบความสำเร็จไหม แต่เขามองแค่ว่าถ้าได้ทำเต็มที่แล้ว วันหนึ่งที่มีอายุมากขึ้นหรือแก่ไป เขาจะไม่เสียดายชีวิตตัวเองเลย เพราะเขามีความคิดที่ว่า ชีวิตคนเราถ้ามันไม่ได้ทำตามความฝัน ชีวิตมันไม่มีค่า
film.thanapat
"แผนสำรองถ้าการมาเป็นนักแสดงแบบเต็มตัวแล้วไม่ประสบความสำเร็จ"
ฟิล์ม เคยตั้งเป้าหมายในวงการบันเทิงเอาไว้ 3 ปี ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก่อนอายุ 28 เขาก็มีแผนว่าอาจจะออกไปทำงานอย่างอื่น หรือไม่ก็อาจจะกลับไปทำให้สิ่งที่เขาชอบอย่างการเป็นสจ๊วตนั่นเอง
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ