ถามตรงตอบตรง เจเจ กฤษณภูมิ เคยอยากออกจากวงการ เพราะสูญเสียความเป็นตัวเอง

ถามตรงตอบตรง เจเจ กฤษณภูมิ เคยอยากออกจากวงการ เพราะสูญเสียความเป็นตัวเอง

ถามตรงตอบตรง เจเจ กฤษณภูมิ เคยอยากออกจากวงการ เพราะสูญเสียความเป็นตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าจะพูดถึง เจเจ กฤษณภูมิ แล้ว เราก็คงนึกถึงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ยังเด็ก จนตอนนี้เขากลายเป็นดาราวัยรุ่นที่โด่งดังและมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งเชื่อว่าทุกๆ คนก็เคยเห็นเขามาเกือบทุกมุมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง งานถ่ายแบบ หรืออาจจะมีงานเพลงบ้างแบบประปราย แต่ตอนนี้เรียกได้ว่าเรากำลังจะเห็นผู้ชายคนนี้ในบทบาทใหม่ที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนั่นก็คือ บทบาทของการเป็นไอดอล นั่นเอง

เรามาลองดูมุมมองของคำว่า ไอดอล ของ เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และการวาดอนาคตในเส้นทางสายนี้ของเขากันหน่อย ว่าหนุ่มคนนี้ตั้งเป้าหมายในชีวิตของเขาเอาไว้อย่างไร

j(4)

ด้านการศึกษา ณ ตอนนี้ เจเจ กำลังศึกษาที่ไหน ชั้นอะไร ?

"ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะนี้จะคล้ายๆ กับนิเทศศาสตร์ แต่เราจะเรียนด้านเทคโนโลยีการสื่อสารมากกว่า (ยิ้ม) สำหรับเรื่องการเข้าเรียนก็ต้องพยายามไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการโฟกัสในชีวิตผมตอนนี้มันมั่วไปหมด (หัวเราะ) ทิ้งไม่ได้สักอย่าง และก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ด้วย"

มุมมองของ เจเจ กฤษณภูมิ กับคำว่า ไอดอล คืออะไร ?

"ไอดอลในมุมมองของผม ก็คงจะเป็นคนที่มีความสามารถ นิสัยดี และก็เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มองเราว่าเป็นไอดอล ซึ่งถ้าถามว่า ตัวผมเองสามารถไปอยู่ในจุดนั้นได้ไหม เอ่อ...ผมก็พร้อมในประมาณหนึ่งนะ เพราะในด้านความสามารถ ผมพัฒนามาจากอดีตไกลมากเหมือนกัน ดังนั้นในอนาคตอันใกล้ ผมก็คงที่จะเป็นไอดอล หรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ได้ อันนี้ในด้านความสามารถนะ แต่ถ้าในเรื่องของนิสัยหรือการกระทำ ผมคิดว่าตัวผมคงยังไม่พร้อมหรอกครับ"

42120184_308154153250873_2686

เรารู้สึกว่าเราต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองบ้างไหม สำหรับเป้าหมายของการเป็นไอดอลในอนาคต กับโปรเจค 9by9 ?

"น่าจะเป็นเรื่องการทำงานร่วมกับคนอื่น และก็ทักษะการร้อง การเต้น การแสดง เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมไม่เคยทำงานร่วมกับคนเยอะขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นมันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว รวมถึงศึกษานิสัยของแต่ละคน เพื่อที่เวลาทำงานเราจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกัน ดังนั้นโปรเจคนี้สำหรับผม มันจึงเหมือนกับเราต้องใช้พยายามอย่างมาก ท่ามกลางความกดดันที่มีอยู่ตลอด"

สามารถบอกได้ไหมว่าโปรเจค 9by9 เป็นโปรเจคที่ยากที่สุดอีกหนึ่งโปรเจคในชีวิตของ เจเจ ?

"ได้ครับ เพราะว่า 9by9 มันมีองค์ประกอบหลายอย่างมาก ทั้งของคนเบื้องหน้าและคนเบื้องหลัง ทุกอย่างมันมีโรดแมปวางเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นผมจึงต้องพยายามอย่างมากที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ไปถึงยังเป้าหมายที่วางเอาไว้ มันต้องใช้ใจสุดๆ จริงๆ สำหรับโปรเจคนี้ จนผมเริ่มรู้สึกว่าโปรเจคนี้มันกลายเป็นชีวิตของผมไปแล้ว และมันก็เป็นชีวิตที่ผมมีความสุข"

j(7)

การที่ผู้ชาย 9 คน วัยใกล้เคียงกัน มีความเป็นซุปเปอร์สตาร์พอๆ กัน แบบนี้มันทำให้เวลาที่ต้องทำงานร่วมกันยากขึ้นไหม ?

"เราต้องปรับจูนกันหลายๆ อย่างเลยครับ เพราะว่าแต่ละคนต่างก็มีความสามารถไม่เหมือนกัน ถนัดกันคนละอย่าง ดังนั้นเราจึงต้องพยายามปรับจูนกัน และดึงทุกคนมาให้เท่ากันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็ คือคาแรคเตอร์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน มีแอดติจูดที่ต่างกัน ที่มันจะต้องทำให้ทุกอย่างกลายเป็นภาพรวมเดียวกัน เดินหน้าไปพร้อมๆ กัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่เราก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันไป"

การเป็นไอดอลในยุคนี้ เราคิดว่าเราจะสามารถเป็นตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ?

"ไม่ได้เลยครับ (หัวเราะ) คือผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะผมเข้าวงการตั้งแต่ตอนที่ผมอายุ 14 และมันเหมือนผมยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ เนื่องจากผมคิดว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตามผมต้องแคร์สายตาของคนที่จับจ้องผมอยู่เสมอ แต่ในทางกลับกันการที่คนจับตามองมันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ดีขึ้น อยู่ในลู่ในทางมากขึ้น และอยากที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อไปให้กับคนในสังคม ดังนั้นถ้าถามผมว่ามันคุ้มไหม ผมก็คิดว่าคุ้มนะ ส่วนชีวิตผมค่อยไปใช้ตอนที่โตกว่านี้ก็ได้"

ตั้งแต่อายุ 14 จนตอนนี้เราอายุ 22 เป็นเวลา 6 ปีแล้วในวงการบันเทิง แบบนี้จะถือว่า 6 ปีที่ผ่านมานั้น เราไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลยถูกไหม ?

"ใช่ครับ อาจจะมีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นเองตอนที่ผมยังไม่เป็นที่รู้จัก ตอนนั้นก็ยังได้มีโอกาสเป็นตัวเองบ้าง แต่พอหลังจากนั้นมาก็ไม่ใช่เลย (ยิ้ม) เอ่อ...ถามว่าเจเจในแบบที่เป็นตัวของตัวเองเป็นแบบไหน เป็นคนไม่ดีหรือเปล่า จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นนะ ผมแค่เป็นเด็กแสบๆ เป็นเด็กแสบที่ยังไปไม่สุด จนกระทั่งได้เข้ามาในวงการ และหน้าที่การงานต่างๆ มันก็ช่วยลดทอนสิ่งเหล่านั้นลงไป ซึ่งผมก็เคยแอบมองย้อนกลับไปในอดีตและก็ยังรู้สึกกับตัวเองด้วยว่า เมื่อก่อนผมเคยมีความสุขมากกว่านี้ เพราะการที่ผมได้เป็นตัวเอง ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่มีความสุข"

36473164_2076607075939891_560

ตอนที่มันเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา เราเคยคิดไหมว่า ไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปอยู่เดิมดีกว่า ?

"มีครับ มีบ่อยมาก แต่ผมแอบรู้สึกโชคดีตรงที่บ้านผมอยู่เชียงใหม่ มันเลยทำให้ผมสามารถแบ่งโลกได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกไม่ไหว ผมจะกลับไปบ้านผมที่เชียงใหม่ ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ และกลับไปอยู่กับพ่อแม่ ไปอยู่กับครอบครัวของผมที่นั่น เพราะการที่ได้กลับบ้านมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมได้เป็นตัวของตัวเองจริงๆ"

ในฐานะที่เราเป็นไอดอล เป็นศิลปินที่มีคนชื่นชอบและติดตาม เราอยากให้แฟนๆ หรือคนเหล่านั้นเขาหยิบเอาด้านไหนของเรา ไปเป็นแบบอย่าง ?

"ความพยายามครับ ความพยายามที่มาพร้อมกับความบังเอิญและโอกาส ซึ่งผมเป็นคนโชคดีมากตรงที่มีความบังเอิญและโอกาส เข้ามาหาผมตลอดเวลา โดยที่ตัวผมเองก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองจากโอกาสที่เข้ามาแต่ละครั้ง เพราะทุกครั้งที่ผมได้รับโอกาสในชีวิต ผมจะตั้งใจเสมอว่าอยากจะทำให้มันดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ผมไม่มีวันหยุดพัฒนาตัวเองครับ การเดินของผมจะมีแต่เร็วขึ้นเรื่อยๆ"

j(2)

สำหรับไอดอลเกาหลีเหมือนเขาจะมีกฎเข้มงวดเรื่องการมีแฟน แต่ตัวเจเจเองก็ชัดเจนมานานแล้วสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นในฐานะที่เราเองก็เป็นไอดอลเหมือนกัน เรามีวิธีกำหนดทิศทางยังไง เรื่องการมีความรัก ?

"สำหรับผมการเปิดเผยมันดีกว่านะ เพราะแฟนๆ เขาจะได้เห็นมุมมองชีวิตเรามากขึ้น มากกว่าแค่การทำงาน มันเป็นเหมือนการเปิดมุมส่วนตัวของเราให้ทุกคนได้รู้ ซึ่งสำหรับผมมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะบอกว่าเราทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จมันอยู่ที่ความสามารถของเรา ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือความรัก"

การเป็นไอดอลมอบอะไรให้กับเราบ้าง หรือทำให้เราเรียนรู้อะไรบ้าง ?

"ผมสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ถึงแม้ผมจะคิดว่าผมไม่สามารถเป็นได้ก็ตาม (หัวเราะ) เอาจริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าวันหนึ่งผมจะต้องมาเป็นแบบอย่างให้คนอื่น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เรายืนอยู่ในแสงสว่างเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับใครหลายคน ดังนั้นทุกๆ ย่างก้าวของผม หรือทุกๆ การกระทำของผม มันต้องระมัดระวังจริงๆ เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวผมอย่างเดียวแล้ว แต่มันยังส่งผลต่อคนอื่นๆ มากมายที่จับตาเรามองด้วย"

38802748_317279715513732_6909

อายุเราเพิ่งจะ 22 แต่ว่าสิ่งที่ต้องทำหรือโฟกัสในชีวิตมีหลายอย่างมาก ตัวเราเองเคยรู้สึกท้อบ้างไหม ?

"มันเกินกำลังผมมากครับ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมเลือกทางนี้แล้ว และผมก็เคารพในการตัดสินใจของตัวเอง ถึงแม้มันจะเหนื่อยแค่ไหนเราก็ต้องทำ เพราะเรามายืนอยู่ ณ จุดนี้แล้ว และเราก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เราทำอยู่ให้ได้ ทั้งงาน การเรียน และชีวิตส่วนตัว"

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ ถามตรงตอบตรง เจเจ กฤษณภูมิ เคยอยากออกจากวงการ เพราะสูญเสียความเป็นตัวเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook